วันนี้ (15 มกราคม) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 8 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 วาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ในวาระ 2 และ 3 หลังจากกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว
ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต รายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการต่อที่ประชุม หลังจากที่ประชุมสภารับหลักการร่างกฎหมายสุราชุมชน ที่ชนินทร์เป็นผู้เสนอ และร่างกฎหมายสุรารวมไทย ที่ ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นผู้เสนอ
ชนินทร์กล่าวด้วยว่า สำหรับร่างกฎหมายสุราก้าวหน้าที่เสนอโดยพรรคประชาชน มีข้อแตกต่างคือ ปรับเปลี่ยนหลักการให้การขออนุญาตการถือครองเครื่องกลั่นสุราหรือผลิตสุรา จะกระทำก็ต่อเมื่อเป็นการกระทำเพื่อการค้าเท่านั้น นำมาซึ่งการอภิปรายของสมาชิกถึงความกังวลในผลกระทบต่อสังคม และการควบคุมการผลิตสุราที่อาจมีการลักลอบผลิตโดยอ้างว่าไม่ได้เป็นการผลิตเพื่อการค้า ยิ่งเป็นเหตุที่ที่ประชุมสภาไม่รับหลักการร่างสุราก้าวหน้า
ทั้งนี้ ขอบคุณรัฐบาลที่ให้ความร่วมมือและทำงานคู่ขนาน นำมาสู่การเสนอปรับแก้กฎกระทรวงในบางประเด็นที่สามารถดำเนินการได้ก่อน โดยไม่ต้องรอให้กฎหมายฉบับนี้ผ่านก่อน ก็สามารถมีการปรับกฎกระทรวงเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีโอกาสทำธุรกิจเพิ่มขึ้น
“ยืนยันว่าการแก้ไขครั้งนี้ไม่ได้ปรับเปลี่ยนให้มีการผลิตสุราโดยเสรีแบบไม่ต้องขออนุญาต แล้วไม่ได้ปรับเปลี่ยนไปตามหลักการของร่างสุราก้าวหน้าที่ให้การอนุญาตกระทำเฉพาะเพื่อการค้าเท่านั้น แต่ยังคงไว้เหมือนเดิมคือการขออนุญาตผลิตหรือถือครองจำเป็นต้องแจ้งให้หน่วยงานรัฐทราบ”
ชนินทร์ย้ำว่า การแก้ไขกฎหมายนี้จะส่งเสริมนโยบายของรัฐบาลที่ประกาศไว้โดย แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องการลดการผูกขาด ส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร สร้างรายได้ส่วนเพิ่มให้แก่รัฐ และส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ให้ประเทศ
ด้าน เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส. กทม. พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า ความจริงแล้วพวกเราไม่จำเป็นต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ เพราะสิ่งที่ขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของวงการสุราไทยจริงๆ อยู่ที่กฎกระทรวง ซึ่งเป็นอำนาจของอธิบดี แต่เหตุที่ติดขัดมาจากการใช้อำนาจทุนเหนือการเมือง การแข็งตึงของรัฐราชการรวมศูนย์ และภาคการเมืองไม่เข้มแข็ง รัฐบาลไม่เด็ดขาด
“ผมว่าวันนี้เราต้องเข้มแข็งมากขึ้น ใช้อำนาจบริหารที่เราได้ฉันทานุมัติจากประชาชนเพื่อมาเปลี่ยนแปลง เหตุใดพรรคเพื่อไทยที่เป็นรัฐบาลถึงโดนซ้าย โดนขวา โดนใน โดนนอก ตลอดเวลา ก็หวังว่าวันนี้จะพาไปได้ และบังคับใช้กฎกระทรวงได้โดยไว ผมยืนยันว่าเราไม่จำเป็นต้องมาอยู่ตรงนี้ ถ้ารัฐบาลเอาจริงเสร็จไปตั้งแต่เดือนแรกแล้ว” เท่าพิภพกล่าว
ในที่สุดที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นด้วยกับการแก้ไขของกรรมาธิการ 414 เสียง ไม่มีเสียงไม่เห็นด้วย ไม่ลงคะแนนเสียง 5 เสียง เป็นอันว่าที่ประชุมเห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต และเห็นชอบกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ ขั้นตอนต่อไปร่างกฎหมายจะถูกส่งให้วุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ หากผ่านจะมีผลบังคับใช้ภายใน 180 วัน