×

กมธ. สร้างเสริมสังคมสันติสุข รับข้อเสนอกลุ่มนิรโทษกรรมประชาชน ได้ข้อสรุปกรอบเวลา ขยายฐานความผิดให้ครอบคลุม

โดย THE STANDARD TEAM
07.08.2025
  • LOADING...
กมธ. นิรโทษกรรมประชาชน

วันนี้ (7 สิงหาคม) ที่อาคารรัฐสภา กลุ่มเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน พร้อมด้วยทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุข สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ เป็นตัวแทนรับหนังสือ

 

โดย พูนสุข พูนสุขเจริญ จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นตัวแทนกล่าวว่า เนื่องจากเราเห็นว่า ร่าง พ.ร.บ. ทั้ง 3 ฉบับ อาจจะไม่ครอบคลุมเพียงพอ ในการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองตลอดระยะเวลา 20 ที่ผ่านมา จึงมายื่นข้อเสนอถึงประธานคณะกรรมาธิการฯ 4 เรื่อง ดังนี้ 

 

  1. ระยะเวลาการนิรโทษกรรม ขอเสนอให้ครอบคลุมตั้งแต่ พ.ศ.2548-2568 หรือจนกว่าจะมีการบังคับใช้พระราชบัญญัติ

 

  1. ในส่วนฐานความผิด เมื่อพิจารณาจากบัญชีแนบท้ายร่างพระราชบัญญัติ ที่มีเพียง 12 ข้อ หรือถือเป็น 20 ฐานความผิด ซึ่งทำให้อาจตกหล่นบางฐานความผิดได้ 

 

  1. คดีเยาวชน ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา มีเยาวชนผู้ถูกดำเนินคดี 286 ราย ซึ่งเราคิดว่า เยาวชนควรจะได้รับการนิรโทษกรรมไปด้วยในครั้งนี้ ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะไม่ควรรวมการนิรโทษกรรมให้กับเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ในทุกฐานความผิด 

 

  1. คณะกรรมาธิการเสนอให้ควรจะมีองค์ประกอบของทางภาคการเมืองและภาคประชาชนเข้าไปด้วย เพราะในร่าง พ.ร.บ. นั้น องค์ประกอบหลักจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรืออดีตศาล อัยการ เป็นหลัก แต่เรื่องนี้ไม่ใช่พิจารณาว่า คดีไหนถูกหรือผิด หรือเป็นการเมืองไม่ใช่การเมือง จึงควรจะมีคนที่ถูกดำเนินคดี และคนที่ติดตามสถานการณ์เรื่องนี้มาตลอด เข้าไปเป็นองค์ประกอบของคณะกรรมาธิการด้วย 

 

รวมถึงระยะเวลาที่คณะกรรมาธิการพิจารณา ที่ไม่ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ก็ตาม หากมีการกำหนดว่า คณะกรรมาธิการนี้จะยุบภายใน 6 เดือน หรือ 1 ปี หลังจากนั้น ก็ควรเปิดช่องให้ศาลยุติธรรมมีอำนาจในการพิจารณาคดี เผื่อมีคดีไหนตกหล่น และนอกเหนือจากที่คณะกรรมาธิการจะพิจารณาคดีนิรโทษกรรมแล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่ควรพูดถึง คือเรื่องของการเยียวยา 

 

ขณะที่ณัฐวุฒิกล่าวว่า ใน 2 ประเด็นแรก เป็นเรื่องที่เห็นตรงกันอยู่แล้ว และคณะกรรมาธิการได้มีการประชุมรวมถึงมีความเห็นร่วมกันเป็นมติของที่ประชุมไปแล้ว คือกรอบเวลาเริ่มต้นปี 2548 จนถึงวันที่กฎหมายประกาศใช้ ส่วนเรื่องฐานความผิดในบัญชีแนบท้ายนั้น แน่นอนว่ายังไม่ครอบคลุม และตกหล่นเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ในสัปดาห์ที่แล้ว กรรมาธิการจึงมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง และมีมติด้วยเสียงข้างมาก ว่าจะบรรจุบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ. ให้ระบุทั้งความผิด โดยหลักคิดตรงกันว่า จะต้องเพิ่มจาก 12 ฐานความผิดในขณะนี้ จากการอ้างอิงรายงานผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ที่มีการระบุไว้ 25 ฐานความผิด 

 

อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการไม่ได้ปิดกั้น ที่จะมีการเพิ่มฐานความผิดอื่น หากพบข้อเท็จจริงว่า มีผู้ที่ถูกดำเนินคดียังคงตกหล่น ไม่ได้ระบุไว้ในร่างกฎหมาย ก็สามารถดำเนินการ ในขั้นตอนการพิจารณาได้ 

 

ส่วนเรื่องเยาวชนและองค์ประกอบของคณะกรรมาธิการนั้น เนื่องจากยังไม่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา แต่ขอรับไว้ จะมีการนำไปหารือจนมีข้อสรุป และรายงานให้ทราบต่อไป แต่โดยเบื้องต้นในหลักการไม่มีอะไรขัดกันกับข้อเสนอนี้ 

 

ณัฐวุฒิยืนยันว่า การทำงานของคณะกรรมาธิการ นั่งรวมกันโดยคนที่เห็นต่างหรือเห็นตรงในทางการเมือง เพียงแต่เมื่อมีเจตนาร่วมกันว่า จะผลักดันสังคมไปสู่การคลี่คลายความขัดแย้ง โดยใช้การนิรโทษกรรมคดีความอันเกิดขึ้นจากการชุมนุมทางการเมืองหรือเกี่ยวเนื่องกับความเคลื่อนไหวทางการเมืองในห้วง 20 ปีที่ผ่านมาเป็นเครื่องมือหนึ่ง เราตั้งใจว่าจะทำเรื่องนี้ให้คืบหน้า และแล้วเสร็จในชั้นกรรมาธิการโดยเร็ว จากที่วางกรอบไว้ว่า จะอยู่ในเวลา 2 เดือนบวกลบ แต่ก็ต้องดูภารกิจของสภาใหญ่ด้วย ย้ำว่า ทุกนัดที่มีการประชุม เราทำงานกันเต็มที่ ล่าสุดก็มีการขยับเวลาเพิ่ม 

 

ณัฐวุฒิยอมรับว่า แน่นอนว่าทุกคนอยากให้ครอบคลุมที่สุด แต่ถ้าความจริงของสถานการณ์มันไปได้ไกลที่สุดแค่ไหน ก็ทำให้ได้มากที่สุดก็แล้วกัน ถ้ายังมีอะไรเหลืออยู่ ก็มาว่ากัน ณ เวลานั้นอีกครั้งหนึ่ง

 

“ดังนั้น เมื่อผมตัดสินใจว่า จะเข้ามาเป็นกรรมาธิการ และเมื่อกฎหมายได้ผ่านวาระแรกของสภา ผมได้เดินทางไปพบผู้ต้องขังคดีความทางการเมืองที่เรือนจำ และบอกกับเขาตรงๆ ว่า สภาฯ รับมาแบบนี้ และผมจะเข้ามาเป็นกรรมาธิการ ผมมั่นใจว่า ผมเข้าใจพวกเขา และก็แน่ใจว่าเขาเข้าใจผม ย้ำว่า ภารกิจของคณะกรรมาธิการชุดนี้ ไม่ได้เป็นเพียงในห้องประชุมของคณะกรรมาธิการนี้ แต่ยังมีภารกิจบางประการที่ต้องทำข้างนอก ซึ่งผมก็พยายามดำเนินการอยู่ และเชื่อว่าคณะกรรมาธิการทุกท่านก็กำลังพยายามดำเนินการอยู่” ณัฐวุฒิกล่าว

 

ณัฐวุฒิย้ำว่า เราจะทำให้มันออกมาดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ เราจะทำให้มันออกมาเป็นเครื่องมือของการคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองในสังคมไทยให้ได้มากที่สุด แม้ว่าขณะนี้รูปลักษณ์ของความขัดแย้งทางความคิดยังคงชัดเจน และลึกซึ้งอยู่ก็ตาม แต่ไม่มีสังคมไหนไม่ขัดแย้งทางความคิด เราต้องทำให้สังคมนี้พร้อมที่จะเปิดโอกาสให้คนแต่ละกลุ่มได้ตั้งหลักตั้งต้น และเดินหน้าชีวิตในฐานะผู้บริสุทธิ์ต่อไป 

 

ณัฐวุฒิยังกล่าวถึงคนบางกลุ่ม ซึ่งบางทีสังคมอาจจะมองพร่าเลือนไปแล้ว เช่น คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นชายชุดดำ เป็นกองกำลังติดอาวุธ ในการชุมนุม ปี 2553 คนกลุ่มนี้ ถูกดำเนินคดี ถูกเอาไปขังในเรือนจำ และสู้คดีจนศาลยกฟ้อง เป็นผู้บริสุทธิ์จากกระบวนการยุติธรรม แต่คนกลุ่มนี้ไม่ได้รับการเยียวยา ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) สมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงกลายเป็นว่าหลักเกณฑ์การเยียวยาชุดนั้น ได้สำหรับคนส่วนหนึ่ง และไม่ได้สำหรับคนอีกส่วน ซึ่งเป็นส่วนที่ข้อกล่าวหาฉกาจฉกรรจ์ นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไปนั่งคุยมา และได้ไปตามข้อมูลที่กรมคุ้มครองสิทธิ กระทรวงยุติธรรม ได้ข้อมูลมาปึกหนึ่งจะนำมาผลักดัน และหาทางออกที่ดีที่สุดในคณะกรรมาธิการชุดนี้เช่นเดียวกัน 

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising