วันนี้ (12 พฤศจิกายน) พล.อ. อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ให้สัมภาษณ์ถึงภารกิจการเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงดําเนินการอยู่ในปัจจุบันนี้ว่า กําลังทําอยู่ใน 5 พื้นที่นำร่อง ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วเราจะเดินต่อไปในพื้นที่อื่นๆ จนครบ 13 พื้นที่ ยืนยันว่าการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเราทํามาก่อนหน้านี้แล้ว หากฝ่ายกัมพูชาไม่ดําเนินการอะไร เราก็แค่ทําหน้าที่เก็บกู้ทุ่นระเบิดต่อไป
ส่วนที่ พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า ใน 5 พื้นที่นําร่องกัมพูชายังไม่ตอบรับ 1 พื้นที่ พล.อ. อุกฤษฎ์กล่าวว่า “ก็เรื่องของเขา พื้นที่ของเรา เราก็ทําของเรา ไปสนใจอะไรเขา” และต่อจากนี้เมื่อเสร็จจาก 5 พื้นที่นําร่องก็จะไปพื้นที่อื่นๆ ที่อยู่ในเขตอธิปไตยของเราต่อ
เมื่อถามว่า หากเป็นพื้นที่ที่มีกัมพูชาวางฐานกําลังอยู่เราจะปฏิบัติอย่างไร พล.อ. อุกฤษฎ์กล่าวว่า “ก็เราจะทํา เราทําเพื่อพี่น้องประชาชน และทหารที่อยู่แนวหน้าให้ปลอดภัย ทําไมเราถึงจะทําไม่ได้ ขอย้ำว่าเราจะทํา”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายไทยเสนอเก็บทุ่นระเบิด 13 พื้นที่ ประกอบด้วยพื้นที่กองกำลังบูรพา 3 พื้นที่ กองทัพภาคที่1 บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านเนินสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว
กองทัพภาค 2 กองกำลังสุรนารี 6 พื้นที่ คือ ช่องบก-ช่องอ่านม้า จังหวัดอุบลราชธานี , ช่องกร่าง จังหวัดสุรินทร์, ช่องเหว จังหวัดสุรินทร์, ปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ และบ้านสายโท 10 ใต้ จังหวัดบุรีรัมย์
กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด 4 พื้นที่ คือ บ้านตะกาง อำเภอเมืองตราด บ้านคลองม่วง อำเภอเมืองตราด, บ้านชำราก อำเภอเมืองตราด และบ้านโขดทราย อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด
แต่กัมพูชาไม่ตอบรับทั้ง 13 พื้นที่ ฝ่ายไทยต่อรองลดเหลือเพียง 5 พื้นที่นำร่อง พร้อมเปิดช่องให้ฝ่ายกัมพูชาไม่ต้องมาร่วมเก็บกู้กับทีมไทย ขอเพียงไม่ขัดขวางบ้านสายโท 10 ใต้ จังหวัดบุรีรัมย์ ช่องเหว จังหวัด สุรินทร์ บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว บ้านชำราก จังหวัดตราด


