วันนี้ (9 พฤศจิกายน) พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยถึงการประชุมหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบกประจำเดือนพฤศจิกายนในวันนี้ว่าได้ขอบคุณหน่วยกองกำลังป้องกันชายแดนที่ปราบปรามยาเสพติด ซึ่งในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาสามารถจับยาบ้าได้ทุกกองทัพภาค รวมแล้วมากกว่า 10 ล้านเม็ด นอกจากนี้มีเรื่องภัยโควิด-19 ที่ต้องเข้มงวดกับผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายที่อาจนำพาโควิด-19 กลับมาด้วย ซึ่งเวลานี้สถานการณ์ของโควิด-19 ของประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์ดีอันดับต้นๆ และจะเป็นตัวชี้วัดที่ทำให้สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจดีขึ้นตามลำดับ ที่ผ่านมาตนเองได้ไปตรวจเยี่ยมทหารที่อยู่ห่างไกล ทั้งสตูล กระบี่ และตรัง ดูทั้งเรื่องกำลังพล การปฏิบัติงาน และทหารใหม่ที่เข้ามา พบว่าส่วนใหญ่มีความตั้งใจเป็นอย่างดี ทุกคนไม่มีความกังวลเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ส่วนตัวเน้นย้ำกับหน่วยว่าเรื่องสิทธิกำลังพลจะต้องทำให้ถูกต้องที่สุด นอกจากนี้ยังได้ตรวจเยี่ยมกองทัพภาคที่ 2 พบว่าทุ่มเทช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้านภัยพิบัติ
เมื่อถามถึงสถานการณ์การชุมนุมเมื่อวานนี้ (8 พฤศจิกายน) พล.อ. ณรงค์พันธ์ กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บเป็นเจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้สวมเครื่องแบบ เนื่องจากเข้าไปอยู่หลังแนวตำรวจเพื่อเสริมกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะสถานการณ์เมื่อวานนี้ผู้ชุมนุมจะมุ่งหน้าสู่พระบรมมหาราชวัง ศาลหลักเมือง วัดพระแก้ว ซึ่งหากมีความเสียหายเกิดขึ้นคงไม่มีใครรับผิดชอบได้ ยอมรับว่าที่ผ่านมาหน่วยงานด้านความมั่นคงได้พูดคุยประสานงานกับการ์ดผู้ชุมนุม โดยขอให้เป็นการชุมนุมอย่างสันติ ไม่ให้เกิดความรุนแรง แม้จะเป็นการชุมนุมที่ผิดพระราชบัญญัติการชุมนุมในที่สาธารณะ แต่เจ้าหน้าที่ก็ประนีประนอม ใครที่ทำผิดกฎหมายก็จะดำเนินการกับคนนั้น ทั้งนี้ต้องยอมรับว่ามีกลุ่มคนที่อยากให้เกิดความรุนแรง ซึ่งต้องควบคุมให้ได้ ถ้าเกิดความรุนแรง ประเทศชาติก็จะถอยลงมาอีก
“เราเห็นคลิปแล้วว่าเขาเตรียมอะไรมา คล้ายๆ ประทัดเขวี้ยงข้ามรถบัส ถามว่าโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม หากเข้าไปศาลหลักเมืองหรือวัดพระแก้วแล้วเกิดความเสียหาย ใครจะออกมารับผิดชอบ จึงเป็นสิ่งที่เราต้องช่วยกัน เจ้าหน้าที่เขาพร้อมอุทิศตนอยู่แล้ว แต่อย่าเอาประเด็นนั้นมาเป็นความขัดแย้ง ต้องมองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับส่วนรวมและประเทศชาติ แต่สุดท้ายก็สามารถพูดคุยประนีประนอมกันได้ ไม่เช่นนั้นหากเกิดความเสียหายแล้วใครจะรับผิดชอบ เขตพระราชฐานก็เหมือนบ้านเรา ถามว่าบ้านเรา เราต้องการให้คนบุกรุกไหม ก็แค่นั้น คือทุกคนก็รักบ้านตัวเอง รักครอบครัวตัวเอง อย่างที่บอกคืออย่าให้เกิดความรุนแรง ตอนนี้เรากำลังดีขึ้น โดยเฉพาะจากมาตรการป้องกันโควิด-19” พล.อ. ณรงค์พันธ์ กล่าว
เมื่อถามว่าเหมือนสถานการณ์ทางการเมืองไม่มีทางออกจนกระทบกับเศรษฐกิจ พล.อ. ณรงค์พันธ์ กล่าวว่าการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ขอให้ทุกคนมีสติและมองกระจกให้รอบด้าน อย่ามองด้านเดียว ต้องมองว่าตอนนี้ควรทำอะไร
เมื่อถามย้ำว่าได้หารือกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในเรื่องความมั่นคงหรือไม่ พล.อ. ณรงค์พันธ์ กล่าวว่ารับคำสั่งนายกรัฐมนตรีให้ดูแลเรื่องชายแดน ยาเสพติด และโควิด-19 ตามคำสั่งและภารกิจหน้าที่ของตน
เมื่อถามถึงบทบาทของกองทัพในสถานการณ์เช่นนี้ พล.อ. ณรงค์พันธ์ กล่าวว่าภารกิจของทหารเยอะอยู่แล้วทั้งภารกิจชายแดนและภารกิจเพื่อประชาชน เพราะประชาชนเดือดร้อนอยู่
เมื่อถามว่าเครือข่ายประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ (คปส.) เรียกร้องให้ทหารรัฐประหาร พล.อ. ณรงค์พันธ์ เลี่ยงที่จะตอบคำถามของสื่อมวลชน โดยระบุเพียงแค่ว่าขอให้สื่อมวลชนดูที่ภารกิจของทหารว่ามีจำนวนมาก
ทั้งนี้ ก่อนที่ พล.อ. ณรงค์พันธ์ ออกจากโพเดียม ผู้สื่อข่าวได้ถามย้ำว่ามีโอกาสที่รัฐประหารยังเป็นศูนย์อยู่หรือไม่ พล.อ. ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ‘ติดลบ’
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์