ถือเป็นข่าวที่น่าตกใจไม่น้อยสำหรับบรรดานักลงทุนเงินดิจิทัล เมื่อสำนักข่าว AFP รายงานว่า คอยน์เช็ก (Coincheck) บริษัทรับแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลของญี่ปุ่นได้ออกแถลงการณ์ว่า พวกเขาถูกแฮกข้อมูลในวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 ม.ค.) และได้ทำการระงับการฝากและถอนเงินเป็นการชั่วคราวแล้ว ยกเว้นบิตคอยน์ (Bitcoin)
ยูสุเกะ โอสึกะ (Yusuke Otsuka) ประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท คอยน์เช็ก ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษต่อหน้าสื่อญี่ปุ่น กล่าวว่า ทางบริษัทได้สูญเสียเงินสกุล NEM จากระบบตัวเองประมาณ 523 ล้าน NEMS ซึ่งเทียบเท่ากับ 58,000 ล้านเยน (16,700 ล้านบาท) ตามการคำนวณที่อัตราแลกเปลี่ยนตอนถูกตรวจพบ
NEM คือสกุลเงินดิจิทัลประเภทหนึ่งที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่ 10 ในตลาดสกุลเงินดิจิทัล แต่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก
“เรากำลังตรวจสอบว่ามีลูกค้าจำนวนเท่าไรที่ได้รับผลกระทบ” นายยูสุเกะ โอสึกะยังเสริมอีกว่า ทางบริษัทกำลังพยายามค้นหาว่าช่องโหว่นี้มาจากในประเทศญี่ปุ่นหรือประเทศอื่น
สำนักข่าว BBC อ้างว่า ถ้ามีการยืนยันการโจรกรรมครั้งนี้ จะถือว่าเป็นเหตุโจรกรรมสกุลเงินดิจิทัลครั้งใหญ่สุดในโลก
CoinMarketCap.com รายงานว่า หลังจากถูกระงับการฝากถอน มูลค่าสกุลเงิน NEM ก็ตกฮวบลงมากกว่า 16% ใน 24 ชั่วโมง
การสูญเงินในครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ในปี 2014 บริษัทรับแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ที่ตั้งอยู่ในโตเกียวเช่นกันอย่าง MtGox ก็เคยพบว่าบริษัทสูญเสียเงินกว่า 850,000 เหรียญบิตคอยน์ไปจากระบบ คิดเป็นมูลค่าในขณะนั้นประมาณ 480 ล้านเหรียญสหรัฐ (15,035 ล้านบาท)
ทั้งนี้ คอยน์เช็กคือบริษัทที่อ้างว่าคือผู้นำในตลาดบิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลในเอเชีย ตั้งอยู่ที่โตเกียว ก่อตั้งเมื่อปี 2012 และมีพนักงานจำนวน 71 คนเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว
อ้างอิง:
