รายงานสภาพอากาศโลกที่สรุปโดยนักวิทยาศาสตร์หลายร้อยคนจากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงแห่งสหประชาชาติ (IPCC) ซึ่งเผยแพร่วานนี้ (4 เมษายน) ระบุว่า รัฐบาลและองค์กรทั่วโลกมีเครื่องมือที่จะช่วยพลิกวิกฤตด้านสภาพอากาศภายใน 10 ปีข้างหน้า ก่อนที่จะสายเกินไป
รายงานเตือนว่า มนุษย์กำลังเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซดักความร้อนอื่นๆ เข้าสู่ชั้นบรรยากาศมากกว่าในอดีต แต่ยังมีเวลาที่จะควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มเกิน 1.5 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับช่วงก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงที่สร้างหายนะ ทั้งปรากฏการณ์คลื่นความร้อนและภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นบ่อยและรุนแรงมากขึ้น ไปจนถึงการสูญพันธุ์ของสัตว์และพืชหลายชนิด
รายงานฉบับใหม่ของ IPCC จำนวน 3,000 หน้า แนะนำว่า เพื่อป้องกันไม่ให้โลกร้อนขึ้นทะลุ 1.5 องศาเซลเซียส ทั่วโลกต้องจำกัดการปล่อยก๊าซดักความร้อนให้ถึงเพดานสูงสุดภายในปี 2025 และลดลงเหลือครึ่งหนึ่งของระดับปัจจุบันภายในปี 2030 จากนั้นให้ลดลงเป็นศูนย์ภายในปี 2050
นอกจากนี้ IPCC ยังแนะนำให้ทั่วโลกเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ แทน เช่น แสงอาทิตย์และลม และให้เมืองต่างๆ เปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งที่ใช้ไฟฟ้าแทนน้ำมัน รวมถึงออกแบบตึกอาคารให้ประหยัดพลังงาน และใช้เทคโนโลยีช่วยดูดคาร์บอนออกจากชั้นบรรยากาศ
“เรามีเครื่องมือที่จะรับมือวิกฤตด้านสภาพอากาศ นั่นคือสิ่งที่รายงานชี้ให้เห็น แต่จำเป็นต้องลงมือปฏิบัติให้ได้ตามเป้าอย่างรวดเร็วและในสเกลที่ใหญ่ขึ้น เพื่อควบคุมอุณหภูมิไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส” สเตฟานี โร ผู้เขียนรายงานหลักและนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศจาก World Wildlife Fund กล่าวกับ Business Insider
รายงานระบุว่า ปัญหาสำคัญคือการส่งเสริมเจตจำนงทางการเมืองและการรวบรวมทรัพยากรทางการเงินเพื่อทำให้สำเร็จ เพราะเวลานี้มีเพียง 18 ประเทศที่ลดการปล่อยมลพิษอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่การลงทุนทั่วโลกจะต้องเพิ่มขึ้น 3-6 เท่า เพื่อจำกัดอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มเกิน 1.5 องศาเซลเซียส
ภาพ: Sean Gallup / Getty Images
อ้างอิง: