Class of 22 แชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ และ อเลฮานโดร การ์นาโช ยาทิพย์ชุบชูใจ ‘ปีศาจแดง’

ในฤดูกาลที่น่าผิดหวังสำหรับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และหัวใจที่บอบช้ำของสาวก ‘ปีศาจแดง’ ทั่วโลก ดูเหมือนอย่างน้อยพวกเขาจะได้ค้นพบกับความสุขบ้างในช่วงปลายฤดูกาลกับแชมป์แรกในฤดูกาลนี้

เพียงแต่แชมป์นี้ไม่ใช่การคว้าโทรฟีของทีมชุดแรกแต่อย่างใด เพราะทีมที่คว้าแชมป์ได้คือทีมรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ผงาดคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพมาครองได้สำเร็จ ด้วยชัยชนะเหนือน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 3-1 โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือนี่เป็นการคว้าแชมป์ในสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ที่ได้เป็นเจ้าภาพเกมนัดชิงชนะเลิศประจำปีนี้ด้วย

การแข่งขันรายการเอฟเอ ยูธ คัพ เป็นหนึ่งในรายการฟุตบอลระดับเยาวชนที่สมาคมฟุตบอลอังกฤษจัดการแข่งขันขึ้น เพื่อวางรากฐานระบบฟุตบอลเยาวชนให้แข็งแกร่ง เพื่อที่สุดท้ายแต่ละสโมสรจะสามารถผลิตนักฟุตบอลดาวรุ่งที่ดีที่สุดขึ้นมาเป็นดาวเด่นของวงการ

และว่ากันโดยศักดิ์ศรีแล้ว ถ้วยสำหรับรุ่นอายุ 18 ปีนี้เป็นรายการระดับเยาวชนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดด้วย เพราะรายการนี้สามารถปั้นนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ขึ้นมาประดับวงการได้อย่างมากมาย

หนึ่งในทีมที่สร้างชื่อเสียงระดับตำนานของรายการเอฟเอ ยูธ คัพ ก็คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่คว้าแชมป์ได้ในปี 1992 ด้วยนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์อย่าง เดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์, แกรี เนวิลล์, ฟิล เนวิลล์, นิคกี บัตต์ และ ไรอัน กิกส์ (ไม่นับ ร็อบบี้ ซาเวจ และ คีธ กิลเลสพี ที่เวลาต่อมาย้ายออกไปมีชื่อเสียงกับสโมสรอื่น)

ทีมชุดนี้ได้รับการขนานนามว่า ‘Class of 92’ ที่สร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ในเวลาต่อมา เมื่อต่างก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในทีมของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และพาทีมคว้าแชมป์ในปี 1996 มาครองได้ชนิดหักปากกาเซียน โดยเฉพาะ อลัน แฮนเซน นักวิเคราะห์ฟุตบอลชื่อดังของวงการ (และอดีตสตาร์ลิเวอร์พูล) ที่ปรามาสเอาไว้ว่า “ไม่มีทางที่จะคว้าแชมป์ได้ด้วยเด็กหรอก”

น่าเสียดายที่หลังจากนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดห่างหายจากความสำเร็จในรายการนี้ ด้วยนโยบายและแนวทางของสโมสรที่เปลี่ยนแปลงไป โดยแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อ 11 ปีที่แล้วเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี นักเตะปีศาจน้อยที่ลงสนามเมื่อคืนที่ผ่านมาได้สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง ท่ามกลางเรดอาร์มีที่เข้ามาชมเกมกันมากถึง 67,492 คน ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของเกมระดับเยาวชนใน ‘โรงละครแห่งความฝัน’ โดยสถิติเดิมอยู่ที่ 38,187 คนเท่านั้น

เด็กๆ เหล่านี้ได้มอบทั้งความสุขและความหวังให้แก่แฟนๆ ที่เข้ามาชมเกมในสนาม นอกจากฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจแล้ว ทุกคนยังทุ่มเทอย่างสุดความสามารถเพื่อคว้าชัยชนะและถ้วยแชมป์มาครองให้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ได้เห็นจากทีมชุดปัจจุบันเลยในเวลานี้

หนึ่งในคนที่โดดเด่นที่สุดคือ อเลฮานโดร การ์นาโช ซูเปอร์สตาร์ดาวรุ่งประจำทีม ที่กลายเป็นชื่อบนพาดหัวข่าวของทุกสำนัก เมื่อทำคนเดียว 2 ประตูในเกมนี้ จากการยิงจุดโทษที่เป็นประตูที่ 2 ของทีม ก่อนจะยิงย้ำชัยชนะได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

การ์นาโช ปีกหนุ่มน้อยวัย 17 ปี เชื้อสายอาร์เจนตินา-สเปน ผู้นับถือ คริสเตียโน โรนัลโด ยิ่งกว่าใคร ยังได้ทำท่า ‘Siuuu’ อันเป็นเอกลักษณ์ของตำนานลูกหนังชาวโปรตุเกส เพื่อเป็นการคารวะต่อแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ของเขา

และท่านั้นเรียกเสียงเชียร์ดังกระหึ่มจากแฟนๆ บนอัฒจันทร์ที่ตะโกน “Viva Garnacho” เป็นการตอบรับ

การ์นาโชทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในการเล่นระดับเยาวชน ก่อนที่จะถูกดึงตัวขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และได้โอกาสในการลงประเดิมสนามครั้งแรกในเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่พบกับนอริช ซิตี้ไปเรียบร้อยแล้ว และเขายังได้รับลูกฟุตบอลจากโรนัลโด ที่ส่งมอบให้เป็นของขวัญที่ระลึกในวันแห่งความทรงจำ

ราล์ฟ รังนิก ผู้มอบโอกาสให้การ์นาโชคนแรก กล่าวถึงไอ้หนูมหัศจรรย์ผู้เป็น Poster Boy ของทีมเยาวชน เหมือนที่โรนัลโดเป็นของทีมชุดใหญ่ว่า “เขาเพิ่งจะอายุ 17 ปี ถ้าเขาพยายามถ่อมตนและพยายามที่จะทำให้ดีขึ้นในทุกวัน เด็กคนนี้จะไม่ใช่แค่มีชื่อบนม้านั่งสำรอง แต่เขามีโอกาสสูงที่จะได้เล่นให้สโมสรแห่งนี้”

สำหรับรายการเอฟเอ ยูธ คัพ เมื่อรวม 2 ประตูในรอบชิงชนะเลิศ ทำให้การ์นาโชยิงไปแล้ว 7 ประตูด้วยกันในรายการนี้ และทำให้เขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรไปครองด้วย

อย่างไรก็ดี ฟุตบอลเป็นกีฬาประเภททีม และนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดชุดนี้ก็มีคนที่เล่นได้ยอดเยี่ยมอีกหลายคน ที่ทำให้ทีมก้าวมาถึงจุดนี้ได้

บนอัฒจันทร์นั้นมีป้ายผ้าที่เขียนข้อความเอาไว้ชัดเจนเห็นแต่ไกลว่า ‘Class of 22’