Circle ผู้ออกเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี Stablecoin ชั้นนำของโลก ขยายบริการของ ‘EURC’ เหรียญ Stablecoin ที่ตรึงมูลค่ากับสกุลเงินยูโร ไปยังเครือข่ายบล็อกเชน Solana เพื่อหวังเพิ่มยอดผู้ใช้งาน
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (18 ธันวาคม) Circle Internet Financial หนึ่งให้ผู้ออกเหรียญคริปโตแบบ Stablecoin ชั้นนำของโลกอย่าง ‘USDC’ ได้ประกาศการขยายบริการของ ‘EURC’ เหรียญ Stablecoin ที่ตรึงกับสกุลเงินยูโร ไปยังเครือข่ายบล็อกเชน Solana เพื่อหวังเพิ่มยอดผู้ใช้งาน โดยชูจุดเด่นทางด้านธุรกรรมที่ถูกและเร็ว ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายอื่นๆ อย่าง Avalanche (AVAX), Ethereum (ETH) และ Stellar (XLM) ได้อีกด้วย
เนื่องจากหลังจากการเปิดตัวเหรียญ EURC เป็นครั้งแรกเมื่อมิถุนายนปีที่ผ่านมา เกิดปัญหาในการดึงดูดผู้ใช้งาน โดยมูลค่าตามตลาดเพียง 55 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.9 พันล้านบาท ต่างจากเหรียญเบอร์ต้นด้าน Stablecoin อย่าง USDT และ USDC ที่มีมูลค่าตามตลาดสูงถึง 9 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3 ล้านล้านบาท และ 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8.4 แสนล้านบาท ตามลำดับ
โดยหลังจากการเชื่อมต่อกับบล็อกเชน Solana ทำให้วอลเล็ตคริปโตแบบ DeFI (Decentralized Finance) เช่น Jupiter Exchange, Meteora, Orca และ Phoenix เพิ่มเหรียญ Stablecoin ดังกล่าวเข้าไปในระบบแล้วให้ผู้ใช้งานจากสกุลเงินนี้สามารถนำไปทำธุรกรรม เทรด และกู้ยืมโทเคน
ทาง Circle ยังได้พูดถึงการเปิดตัวเหรียญดังกล่าวไปเมื่อวันจันทร์อีกเช่นกันว่า EURC ได้วางตำแหน่งทางการตลาดมาอย่างดี เพื่อสนับสนุนการทำธุรกรรมและการโอนคริปโตของกลุ่มประเทศในแถบยุโรป
Stablecoin หนึ่งในสินทรัพย์มูลค่าตลาดรวมกว่า 1.3 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.5 ล้านล้านบาท เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดทั้งในขาขึ้นและขาลง เนื่องจากเป็นเสมือนตัวกลางของระบบการเงินแบบดั้งเดิม (Fiat Currency) และคริปโต
ไม่เพียงเท่านั้น Stablecoin ยังถูกใช้เป็นเงินเก็บในประเทศที่กำลังพัฒนาหลายประเทศ และประเทศที่มีระบบการเงินไม่แข็งแกร่ง เพื่อการเก็บรักษามูลค่าของเงินตนเองได้ และทำให้ประชาชนสามารถโอนเงินไปประเทศอื่นๆ ในต้นทุนที่ถูกกว่าและไวกว่า หากเทียบกับการทำธุรกรรมผ่านระบบการเงินแบบเก่า
Bernstein บริษัทด้านการวิจัยข้อมูลยังทำนายว่า ภายในอนาคตอีกประมาณ 5 ปี หลังจากที่ระบบการเงินโลกและแพลตฟอร์มต่างๆ ของโลกเชื่อมต่อเข้ากับบล็อกเชน ตลาดของ Stablecoin สามารถเติบโตไปยังมูลค่าตามตลาดกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 100 ล้านล้านบาทได้
อ้างอิง: