วันนี้ (20 กุมภาพันธ์) ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำพยานหลักฐาน เป็นภาพถ่ายและข้อมูลพฤติการณ์ของ หยูซินฉี ประธานสมาคมมณฑลส่านซีแห่งประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกตำรวจควบคุมตัวไป และมีการเข้าค้นสมาคม
ชูวิทย์กล่าวว่า หยูซินฉี มีพฤติการณ์เปิดสมาคมเถื่อนเพื่อใช้แอบอ้างหลอกลวงชาวจีนให้มาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีความผิดหลายข้อหา ทั้งเรื่องของการเปิดสมาคมเถื่อนโดยไม่ได้รับอนุญาต และการถูกถอนวีซ่า แต่ตนเองเห็นว่าข้อหาสำคัญซึ่งเกี่ยวพันและกระทบกระเทือนต่อศูนย์รวมจิตใจของคนไทยยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาดังกล่าว
ตนทราบว่าในข้อหามาตรา 112 การแจ้งความจะต้องมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ตนจึงนำพยานหลักฐานทั้งหมดที่มีซึ่งเป็นภาพถ่ายของหยูซินฉี ขณะกระทำการแอบอ้างว่าเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ กับบุคคลสำคัญของประเทศอย่างนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี นายตำรวจ และบุคคลชั้นสูง รวบรวมข้อมูลมาแจ้งความในวันนี้
ชูวิทย์กล่าวต่อไปว่า อยากให้ตำรวจขยายผลไปถึงเจ้าหน้าที่ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ให้การช่วยเหลือหยูซินฉีและพรรคพวกจนสามารถออกวีซ่าให้อยู่ภายในประเทศได้จำนวนมาก ควรต้องมีการกวาดล้างเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดกฎหมายและทุจริต รวมถึงฝากไปถึงกรมการปกครองให้เข้าไปตรวจสอบสมาคมที่เปิดโดยผิดกฎหมายและสมาคมเถื่อน ซึ่งพบว่ามีตั้งอยู่ในหลายสมาคมทั่วประเทศโดยเฉพาะในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีการตั้งสมาคมในลักษณะเดียวกับหยูซินฉี รวมแล้วหลายร้อยสมาคม ซึ่งตนเองมีข้อมูลว่าสมาคมดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกลุ่มอิทธิพลและอั้งยี่ซึ่งจะเป็นภัยอันตรายต่อประเทศ
ชูวิทย์ยังได้เปิดเผยข้อมูลสมาคมแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ย่านถนนศรีวรา กรุงเทพมหานคร โดยตั้งชื่อสมาคมว่าหงเหมินแห่งประเทศไทย มี ไบ๋เจ้าฮวย ชาวฮ่องกง เป็นนายกสมาคม ซึ่งชายคนดังกล่าวเป็นหัวหน้ากลุ่มมาเฟียแก๊ง 14K ทุนจีนสีเทา ฮ่องกง-มาเก๊า มีลักษณะพฤติการณ์คล้ายกลุ่มมาเฟียผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
ด้าน พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมด และให้ชูวิทย์แจ้งความพร้อมสอบปากคำเพิ่มเติมในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของหยูซินฉี รวมถึงประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมาคม 14K
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อใช้ในการดำเนินคดีกับหยูซินฉี แต่ข้อหาความผิดตามมาตรา 112 จะต้องมีผู้เข้าแจ้งความร้องทุกข์จึงจะสามารถดำเนินคดีได้ เมื่อชูวิทย์เข้ามาแจ้งความก็จะรับเรื่องไว้และจะรวบรวมพยานหลักฐานตามที่ชูวิทย์ส่งมอบให้ หากพบว่ามีการกระทำความผิดก็จะเร่งแจ้งข้อหาโดยเร็วที่สุด
“ส่วนประเด็นสมาคม 14K ที่ชูวิทย์เปิดประเด็นในวันนี้ ทางตำรวจจะทำการสอบปากคำอย่างละเอียดและเข้าไปสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว หากพบว่าเป็นสมาคมเถื่อนหรือมีพฤติการณ์ในลักษณะของมาเฟียก็จะดำเนินการเข้าตรวจสอบทันที” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์กล่าว