วานนี้ (4 ธันวาคม) ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาอธิบายกรณีภาพถ่ายที่ปรากฏคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ร่วมโต๊ะอาหารกับ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ และเบน สมิธ ผ่านรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา โดยยืนยันว่าภาพดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่อนุทินอยู่ในหลักสูตร วปอ. ประมาณ ปี 2557 พร้อมถ่ายทอดข้อความจาก พล.อ.อภิรัชต์ว่า มื้อนั้นเป็นการรับประทานอาหารแบบอเมริกันแชร์ ต่างคนต่างจ่าย ไม่มีใครเลี้ยงใคร และไม่ใช่สัญญาณของความใกล้ชิดอย่างที่ถูกตั้งข้อสงสัย
ชูวิทย์ระบุในช่วงหนึ่งของการไลฟ์ว่า เบน สมิธต้องการสัญชาติไทยอย่างมาก แต่อนุทินไม่ได้อนุมัติให้ ซึ่งเขามองว่าเป็นหลักฐานชัดเจนว่าแม้จะเคยนั่งโต๊ะเดียวกัน ก็ไม่ได้หมายความว่ามีความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือสายสัมพันธ์ลึกซึ้ง หากสนิทสนมกันจริง ‘ตามสไตล์คนไทย’ ก็ต้องมีการฝากฝังให้ช่วยเรื่องสัญชาติไปแล้ว
ชูวิทย์ย้ำว่าเขาไม่ได้เป็นคู่แข่งทางการเมืองของอนุทิน ไม่ได้เกลียดกัน และไม่ได้ออกมาปกป้องใคร แต่ยืนยันว่าจะพูดในสิ่งที่ถูกต้อง “อะไรที่คุณอนุทินพูดถูก…ผมก็พูดให้” พร้อมทบทวนว่าที่ผ่านมาเขาเองก็เคยวิจารณ์อนุทินอย่างหนักในประเด็นน้ำท่วม เพราะเขามีสิทธิ์ในฐานะประชาชน
ท้ายที่สุด ชูวิทย์ระบุว่า ข้อมูลทุกอย่างตั้งแต่เรื่องอเมริกันแชร์ไปจนถึงการไม่ให้สัญชาติไทยแก่เบน สมิธ สะท้อนตรงกันว่าอนุทินไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเบน สมิธ แม้จะเคยร่วมโต๊ะอาหารกันก็ตาม และภาพถ่ายเพียงไม่กี่ภาพไม่อาจนำไปสรุปเป็นความสัมพันธ์เชิงส่วนตัวหรือผลประโยชน์ได้เลย
ชูวิทย์อธิบายว่า เบน สมิธทำงานเป็นนายหน้าทางการเงินที่เชี่ยวชาญด้านการบริหารความมั่งคั่งให้บุคคลระดับสูง โดยมักใช้บัญชีต่างประเทศและทรัสต์ซับซ้อนเพื่อจัดการเงินจำนวนมหาศาล กิจกรรมลักษณะนี้ ชูวิทย์ย้ำหลายครั้งว่า เป็นรูปแบบหนึ่งของการฟอกเงินระหว่างประเทศที่มีความซับซ้อน ซึ่งทำให้สมิธต้องพยายามเข้าหาศูนย์กลางอำนาจของชนชั้นนำในประเทศต่างๆ
ภาพ: ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
