×

ชูศักดิ์ยืนยัน แพทองธารตั้งรัฐมนตรีอย่างถูกต้อง มองนักร้องจริยธรรมไร้สาระ ร้องจนน่ารำคาญ

โดย THE STANDARD TEAM
16.09.2024
  • LOADING...
ชูศักดิ์ ศิรินิล

วันนี้ (16 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณี แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฝ่าฝืนจริยธรรม เนื่องจากแต่งตั้ง สุรพงษ์ ปิยะโชติ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

 

ชูศักดิ์ระบุว่า ในความเป็นจริงสุรพงษ์ไม่เคยต้องคำพิพากษาว่ากระทำความผิด ส่วนการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) กาญจนบุรี จากการตรวจสอบ สุรพงษ์ไม่มีคดีใดๆ นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งไปตามปกติ ไม่มีปัญหา แต่การร้องเช่นนี้ทำให้คนเข้าใจผิดว่ามีการฝ่าฝืนจริยธรรมและมีความบกพร่อง

 

“คำร้องประเภทเหล่านี้ ซึ่งสื่อใช้คำว่าเป็นนิติสงคราม โดยล่าสุดก็มีการร้องเรื่องทำมินิฮาร์ท ก็เป็นการเสียเวลาทำงานให้ประเทศ เราต้องมาหงุดหงิดกับเรื่องที่ไม่ได้มีสาระ” ชูศักดิ์กล่าว

 

ชูศักดิ์ยังขอฝากไปถึงองค์กรอิสระทั้งหลาย เวลารับเรื่องเหล่านี้ ที่มีความฉลาดตรงที่ไม่ยืนยันข้อเท็จจริงว่าผิดหรือไม่ผิด ขอให้สังเกตคำร้องของคนประเภทนี้ที่จะออกมาในลักษณะระบุเพียงขอให้หน่วยงานนั้นๆ วินิจฉัยว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ การไม่ยืนยันคือแสดงว่ากลัวถูกฟ้องกลับ

 

โดยขณะนี้ฝ่ายกฎหมายดูแล้วว่าอาจมีความจำเป็นจะต้องดำเนินการตามที่คิดว่าสามารถดำเนินการได้ และการที่เรียกฝ่ายกฎหมายมาประชุมในวันนี้เพราะจะให้ดูประเด็นเหล่านี้เป็นพิเศษ เพื่อให้จัดการตามกฎหมายตอบแทนกันบ้าง

 

“หากรัฐบาลทำผิดหรือมีการทุจริตคอร์รัปชันร้ายแรงถึงสถานที่ไม่ควรดำรงตำแหน่ง ก็ว่ากันไป ไม่ใช่เรื่องเลย ผมว่าเรื่องนี้ไม่มีสาระอะไรเลย”

 

เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะซ้ำรอยกับกรณีของ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ชูศักดิ์กล่าวว่า เราระมัดระวังอย่างเต็มที่ เรื่องเศรษฐาที่ผ่านมาก็เป็นบทเรียน ฉะนั้นรัฐบาลของแพทองธารจึงตรวจสอบคุณสมบัติของรัฐมนตรีอย่างเข้มข้น เพียงแค่ไม่อยากให้เรามาสู้โดยใช้วิธีแบบไร้สาระจนน่าเบื่อ น่ารำคาญ

 

ส่วนจะสามารถดำเนินการฟ้องกลับหรือใช้ช่องกฎหมายใดบ้างนั้น ชูศักดิ์กล่าวว่า ได้มีการเชิญฝ่ายกฎหมายมาแล้ว ซึ่งคงต้องดำเนินการจริงจัง และคงต้องดูว่าเข้าข้อกฎหมายที่ชัดเจนหรือไม่

 

ขณะที่จะถูกมองว่าเป็นการเอาคืนกันหรือไม่นั้น ชูศักดิ์มองว่าเป็นการเมืองแน่นอน เพียงแค่ว่าหากทำงานทางการเมืองควรจะรู้เรื่องบ้าง ไม่ใช่สักแต่จะสู้กัน แต่ไม่ดูดุลพินิจว่าควรจะเป็นอย่างไร ถูกต้องสมควรมากน้อยเพียงใด

 

ส่วนที่ถูกมองว่าเป็นการสู้กันระหว่างคนบ้านป่ากับคนบ้านจันทร์ส่องหล้านั้น ชูศักดิ์หัวเราะ ก่อนกล่าวว่า “ไม่รู้บ้านไหน แต่ในท้ายที่สุดถึงเวลาที่เราต้องทบทวนดูว่าควรจะทำกันอย่างไรหากบ้านเมืองเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ต้องทำงานทำการกัน เราต้องดำเนินการเพื่อให้การเมืองเดินต่อไปได้ ไม่ต้องมาพะว้าพะวัง บางทีไร้สาระเกินไป”

 

ส่วนจะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องจริยธรรมได้หรือไม่นั้น ชูศักดิ์กล่าวว่า วันนี้ก็มีการพิจารณาเรื่องนี้ เพราะนอกเหนือจากการทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งต่อเนื่องมาจากรัฐบาลชุดที่แล้ว รัฐบาลนี้จะสานต่อในแง่ของการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งจะแก้ไขเพิ่มเติมบางประเด็น เพื่อให้บ้านเมืองไปได้ เนื่องจากร่างทั้งฉบับยังต้องรอการทำประชามติก่อน

 

ชูศักดิ์เปิดเผยว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังคิดอยู่คือกรณีที่เสียงข้างมากของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องมีความสำคัญมาก เช่น การยุบพรรค การเอาคนออกจากตำแหน่ง จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าต้องมีเสียง 2 ใน 3 หรือ 4 ใน 5 จะได้เกิดความยุติธรรมขึ้นพอสมควร เพราะหากจะเอาคนออกจากตำแหน่ง แต่ชนะกันแค่ 5 ต่อ 4 ในเรื่องของความชอบธรรมก็น่าคิด จะพยายามจะแก้ไขในส่วนนี้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเสนอเข้าสู่สภาได้ในเร็วๆ นี้ หรือในสัปดาห์หน้า

 

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคประชาชนเตรียมแก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 เกี่ยวกับการร้องจริยธรรม ชูศักดิ์กล่าวว่า ในส่วนนี้อาจจะยังไม่ตรงกันมากนัก เพราะพรรคประชาชนอาจจะขอยกเลิกไปเลย แต่พรรคเพื่อไทยในขณะนี้ เท่าที่คุยกันยังไม่น่าจะยกเลิกได้ เพราะเดี๋ยวจะหาว่าเราแก้เพื่อตัวเอง ขอให้เอาที่สมเหตุสมผล แต่ยืนยันว่าจะทำให้รอบคอบรัดกุม ซึ่งคิดว่าสามารถพูดคุยกันได้ อย่างไรก็ตาม คงเป็นการเสนอแยกกัน และอาจจะมีร่างของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นอีก

 

เมื่อถามถึงร่างกฎหมายเกี่ยวกับการทำประชามติ ชูศักดิ์กล่าวว่า เมื่อร่างกฎหมายประชามติผ่านวุฒิสภา ก็จะมีการเสนอเป็นร่างกฎหมาย ซึ่งจะถือว่าเป็นการเริ่มนับหนึ่ง เป็นการถามประชามติครั้งแรก

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising