14 กรกฎาคม 1994
คือวันแรกที่ Chungking Express ผลงานลำดับที่ 3 (ต่อจาก As Tears Go By และ Days of Being Wild) ของผู้กำกับสไตล์จัด หว่องกาไว ได้ออก ‘กระทำการหว่อง’ ต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรก และถือเป็นการแจ้งเกิดการทำหนังแบบหว่องๆ ในระดับโลกอย่างเป็นทางการ เพราะนี่คือภาพยนตร์จีนเรื่องแรกที่ผู้กำกับอย่าง เควนติน ทารันติโน เลือกนำไปฉายที่อเมริกา
สำหรับนักดูหนังชาวไทย นอกจากชื่อ ‘ผู้หญิงผมทองฟัดหัวใจโลกตะลึง’ แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนจดจำหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีคือประโยคคลาสสิกของนายตำรวจหมายเลข 223 (รับบทโดยทาเคชิ คาเนชิโร) ที่บอกว่า “ถ้าความทรงจำของผมและเธอมีวันหมดอายุ ผมหวังว่ามันจะยาวนานถึงหมื่นปี”
หนังเปิดเรื่องด้วยชีวิตตำรวจหนุ่มที่ชอบสร้างเงื่อนไขประหลาดให้ชีวิต และเชื่อว่าทุกอย่างบนโลกล้วนมีวันหมดอายุ แน่นอนว่า ‘ความรักเองก็เช่นกัน’
เขาถูก อาเมย์ แฟนสาวบอกเลิกในวันที่ 1 เมษายน 1994 และกำหนดเงื่อนไขแรกว่า ถ้าเธอไม่กลับมาภายใน 1 เดือน ความรักของเขาและเธอเป็นอันสิ้นสุด ชีวิตประจำวันของเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าการออกไปวิ่ง เพราะเชื่อว่าเหงื่อที่ระเหยออกมาจะทำให้ไม่เหลือน้ำไหลออกมาจากดวงตาอีกต่อไป หลังจากนั้นเขาไปยืนที่หน้าโทรศัพท์สาธารณะเครื่องเดิมเพื่อโทรไปเช็กว่าคนรักของเขาทิ้งข้อความอะไรไว้หรือเปล่า และปิดท้ายด้วยการไปหาซื้อสับปะรดกระป๋องที่จะหมดอายุในวันที่ 1 พฤษภาคม 1994 มากิน
ระหว่างนั้นเขาตั้งเงื่อนไขในชีวิตไว้อีก 2 อย่างคือ ถ้าคนรักของเขาไม่กลับมา เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงชื่อเมย์อีกตลอดชีวิต และในขณะที่นั่งหมดอาลัยอยู่ในบาร์แห่งหนึ่ง เขาสัญญาว่าจะตกหลุมรักผู้หญิงคนแรกที่เดินเข้ามา และเขาได้เจอกับ ‘ผู้หญิงผมทอง’ ในชุดกันฝนกับแว่นกันแดด และวันนั้นก็จบลงไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากเฝ้ามองเธอหลับและเอาเนกไททำความสะอาดรองเท้าส้นสูงให้เธอ เพราะแม่เคยสอนเขาไว้ว่า ผู้หญิงคู่ควรกับรองเท้าที่สวยงาม
เมื่อถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 1994 ตามเวลาที่กำหนด เมย์ไม่กลับมาหา เขารู้แล้วว่าอายุของความรักในครั้งนั้นได้จบลงแล้วจริงๆ และเริ่มต้นออกตามหาสับปะรดกระป๋องใหม่ ซึ่งถ้าเป็นไปได้ เขาอยากสลักตัวเลขวันหมดอายุเอาไว้ให้ยาวนานหนึ่งหมื่นปี
ตัวหนังไม่เปิดโอกาสให้เราได้รู้ว่าเขาตามหาสับปะรดกระป๋องนั้นเจอหรือเปล่า แต่หนังเปิดโอกาสให้เรารู้จักนายตำรวจหมายเลข 663 (รับบทโดยเหลียง เฉาเหว่ย) ที่เหงาและผิดหวังจากความรักเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างจากนายตำรวจหมายเลข 223 คือ เขาไม่เคยกำหนดเงื่อนไขใดๆ ให้กับความรัก เขาเพียงใช้ชีวิตต่อไป เพราะเชื่อว่าทุกอย่างต้องใช้ ‘เวลา’ กว่าที่สิ่งนั้นจะหายไป
ทุกวันของเขาวนเวียนซ้ำๆ อยู่กับการกินกาแฟดำ ออกไปทำงาน เข้าเวรกะดึก และกลับไปปลอบใจสิ่งของในห้องที่เขาเชื่อว่าทุกอย่างในห้องก็เสียใจกับการจากไปของเธอไม่ต่างกัน เขาบีบน้ำตาให้ผ้าเช็ดตัว เป็นห่วงสบู่ที่เศร้าจนตัวเล็กลง และบอกกับฝักบัวว่าหยุดร้องไห้ได้แล้ว
จนกระทั่งการปรากฏตัวของอาเฟย (รับบทโดยเฟย์ หว่อง) หญิงสาวที่เข้ามาพูดคุย และแอบเข้าไปจัดระเบียบข้าวของภายในห้องโดยที่เขาไม่รู้ตัว และวันที่สังเกตเห็นสบู่ที่กลับมาใหญ่เต็มก้อน และผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ที่เหลือเพียงหยดน้ำเล็กๆ รอวันระเหย เขาก็เริ่มรู้ว่าเขาอาจจะได้พบกับสับปะรดกระป๋องที่ 223 ที่พยายามตามหาในที่สุด
ในหนังไม่ได้บอกว่า 663 และอาเฟยมีเวลาได้ทำความรู้จักกันเท่าไร แต่อย่างน้อยก็นานพอที่จะทำให้ทั้งคู่รอวันที่จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งทั้งๆ ที่ไม่ได้ติดต่อกันเลยเป็นเวลา 1 ปี และนี่คงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หนังพยายามจะบอก ว่าเมื่อไรก็ตามที่เราไม่กำหนดเงื่อนไขเวลาให้กับความรัก ความรักนั้นก็ไม่มีวันหมดอายุ
ถึงแม้ในทางตัวเลข สับปะรดกระป๋องนี้จะหมดอายุมาแล้ว 25 ปี แต่เราเชื่อว่าทุกครั้งที่ได้กลับมาดู Chungking Express อีกครั้ง หลายคนก็ยังรู้สึกอยากออกไปหาซื้อสับปะรดกระป๋อง ออกไปวิ่งเมื่ออกหัก ผู้หญิงหลายคนตัดผมสั้นและหาแว่นกันแดดมาใส่เลียนแบบอาเฟย และบางคนถึงขนาดมานั่งคุยกับสิ่งของในห้องแบบเดียวกับที่นายตำรวจหมายเลข 663 ทำเพื่อปลอบใจตัวเอง
รวมทั้งทำให้หลายคนกลับมาตั้งคำถามกับชีวิตและพลิกฝากระป๋องแห่งความรัก เพื่อค้นหาตัวเลข ‘วันหมดอายุ’ และหวังว่าตัวเลขนั้นจะยาวนานไปอีกอย่างน้อยหมื่นปี