วันนี้ (27 กุมภาพันธ์) ชุมสาย ศรียาภัย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกระเบียบ 3 ฉบับ และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการยุบพรรคติดเทอร์โบ โดยในระเบียบดังกล่าวระบุถึงระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการยุบพรรคการเมืองเพียง 67 วัน จากเดิมที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลา ตนได้ตรวจข้อกฎหมายลำดับศักดิ์ของกฎหมายแล้วพบว่า แม้ กกต. จะอ้างอาศัยอำนาจตามมาตราต่างๆ ในรัฐธรรมนูญ ปี 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต. และ พ.ร.ป. ฉบับอื่นๆ ซึ่งเป็นกฎหมายแม่บท รวมถึงพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กำหนดระยะเวลาการดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2565 แต่ตนเห็นว่า บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและ พ.ร.ป.กกต. ไม่ได้ให้อำนาจ กกต. ออกระเบียบในลักษณะนี้ได้ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวของ กกต. อาจเป็นการออกระเบียบโดยไม่มีอำนาจ หรือนอกเหนืออำนาจ ระเบียบดังกล่าวจึงอาจไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. ประกอบกับการยุบพรรคเป็นโทษกับพรรคการเมือง กกต. จึงไม่มีอำนาจออกระเบียบได้ และระเบียบดังกล่าวไม่สามารถมีผลย้อนหลังในคดีความที่นักร้องต่างๆ ได้ยื่นยุบพรรคการเมืองในช่วงก่อนหน้านี้ด้วย
ทั้งนี้ ระเบียบนี้เป็น ‘กฎ’ เมื่อ กกต. ในฐานะหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย พรรคการเมืองที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนเสียหาย มีอำนาจยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้เพิกถอนทำลายกฎดังกล่าวได้ ซึ่งที่ผ่านมาระเบียบที่ออกมาในทำนองนี้ ก็ได้มีผู้ฟ้องและศาลปกครองวินิจฉัยว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายและเพิกถอนมาแล้ว
ชุมสายกล่าวอีกว่า อำนาจในการยุบพรรคการเมืองจะกระทำได้ในกรณีใดบ้าง ถูกกำหนดไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองโดยเฉพาะอยู่แล้ว กกต. จะออกระเบียบเพิ่มอำนาจและเหตุที่จะยุบพรรคการเมืองให้ต่างไปจากกฎหมายแม่บทไม่ได้ และแม้ว่าฐานอำนาจในการออกระเบียบกับกระบวนการจะชอบด้วยกฎหมาย แต่ในเนื้อหาอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงต้องดูเป็นกรณีไป จึงขอเรียกร้องให้ กกต. ใช้อำนาจตามหลักความชอบด้วยกฎหมาย ของการกระทำทางปกครองและหลักความได้สัดส่วน เพื่อไม่ให้กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามที่รัฐธรรมนูญรับรองคุ้มครองไว้มากเกินสมควร เพราะขณะนี้สิ่งที่น่ากังวลคือ ที่ผ่านมาบางหน่วยราชการภายใต้ระบอบประยุทธ์มักมีตรรกะในการใช้อำนาจมากกว่ากฎหมาย ซึ่งเป็นสภาพเช่นนี้มาตั้งแต่ พล.อ. ประยุทธ์เข้าสู่อำนาจ จึงต้องมีการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในหลายประเด็น พรรคเพื่อไทยมีความมุ่งหมายให้บ้านเมืองเดินไปด้วยกฎหมาย ความยุติธรรม ยึดหลักนิติธรรมและหลักการประชาธิปไตยที่ควรจะเป็นในรูปแบบสากล เพื่อให้ความยุติธรรมและประชาธิปไตยหยั่งรากลึกลงในสังคมให้ได้
“ดูเหมือนว่า กกต. จะขยันเป็นพิเศษ คนทั้งประเทศใจจดใจจ่อเตรียมเลือกตั้ง ตอนนี้เรื่องแบ่งเขตก็ยังไม่เรียบร้อย แต่ กกต. มาออกระเบียบเรื่องยุบพรรค ถามว่ามีวาระซ่อนเร้นอะไรพิเศษหรือไม่ ระเบียบต่างๆ ที่ผ่านมา กกต. ได้ขยายขอบเขตอำนาจออกไปกว้างขวางมาก บางเรื่องศาลก็ได้วินิจฉัยให้ กกต. รับผิดตามกฎหมาย ขณะนี้สังคมเพรียกหารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เรียกร้องประชาธิปไตย มากกว่าการหาเหตุยุบพรรค ถ้ามีกรณียุบพรรคการเมืองโดยไม่สมเหตุสมผลหรือไร้ความผิด บ้านเมืองจะยุ่งเหยิงขนาดไหน จึงฝากให้รัฐบาลและ กกต. ได้ตระหนักในเรื่องนี้ด้วย” ชุมสายกล่าว