วันนี้ (10 ธันวาคม) ชวน หลีกภัย กล่าวถึงกรณีการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวานนี้ (9 ธันวาคม) โดยยอมรับว่าเสียดาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และสาธิต ปิตุเตชะ ที่ลาออกไป
ทั้งนี้ ตนเองก็ยังไม่ทราบว่าสาธิตจะลาออก โดยได้สอบถามว่าเพราะสาเหตุอะไร และได้รับคำตอบว่า เขาล็อกไว้หมดแล้ว มาก็ไม่มีประโยชน์ ซึ่งตนเองก็ได้ขอร้องให้มาร่วมประชุมในวันนั้นก่อน เมื่อมาแล้วก็ไม่คาดคิดว่าจะมีการประกาศลาออก ยอมรับว่าเสียดาย เพราะถือว่าเป็นกำลังสำคัญ
และหลายคนก็ไลน์มาบอกตนว่าขอลาออกจากพรรค ซึ่งตนก็เข้าใจคนที่ยังรักพรรค ยอมรับว่ามีการล็อบบี้ตำแหน่งหัวหน้าพรรค ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ พ.ต.ต. สุรินทร์ ปาลาเร่ ได้พูดตรงไปตรงมาในที่ประชุม แม้หลายคนจะไม่สบายใจในสิ่งที่ระบุว่าเลขาธิการพรรค (เฉลิมชัย ศรีอ่อน) สั่งการและดูแลกันมา 4 ปี พูดง่ายๆ ว่าอุปถัมภ์เลี้ยงดูกันมา ดังนั้นเมื่อเฉลิมชัยเป็นคนสนับสนุน คนนั้นก็ชนะ
เมื่อเฉลิมชัยยอมผิดคำพูดแล้วมาเป็นหัวหน้าพรรคเอง พร้อมประกาศชัดเจนว่าไม่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคอะไหล่ ดังนั้นการมีความคิดดิ้นรนเพื่อเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ควรเกิดขึ้น
ยอมรับว่าตนก็ห่วงอุดมการณ์ของพรรคที่เคยดำเนินการ 78 ปีแล้ว ต้องทำการเมืองบริสุทธิ์และซื่อสัตย์สุจริต โดยได้ย้ำมาตลอดว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกยอมรับว่าเป็นสถาบันทางการเมือง ไม่ใช่เพราะอยู่นานเสมอไป ถ้าอยู่นานแล้วโคตรโกง โกงทั้งโคตร หัวหน้าติดคุก ก็ไม่มีใครยอมรับเป็นสถาบันทางการเมือง แต่คนรุ่นก่อนและหัวหน้าพรรคทุกคนได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ จึงทำให้พรรคได้รับการยอมรับจากประชาชน ดังนั้นต้องรักษาสิ่งนี้ไว้ ซึ่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ก็ยืนยันในที่ประชุมแล้วว่าจะมีความซื่อสัตย์สุจริต ก็ฝากให้กรรมการบริหารชุดใหม่ช่วยกันดูแล เพราะที่ผ่านมามีข่าวลือว่าพรรคอยากเข้าไปร่วมรัฐบาลอยู่ไม่น้อย
ส่วนกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เป็นรุ่นใหม่ จะสามารถทำงานร่วมกับคนรุ่นเก่าในพรรคได้หรือไม่นั้น ชวนกล่าวว่า ไม่มีคนรุ่นใหม่-รุ่นเก่า เพราะการบริหารพรรคมีกติกา และกรรมการบริหารพรรคมีความสำคัญที่จะนำพรรคไปสู่ความสำเร็จหรือล้มเหลว
พร้อมยอมรับว่ากรรมการบริหารพรรคชุดที่ผ่านมาโดยการนำของจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นหัวหน้าพรรค ก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน เพราะตน, อภิสิทธิ์ และบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นผู้สนับสนุน จุรินทร์จึงได้เป็นหัวหน้าพรรค และมีเฉลิมชัยเป็นเลขาธิการพรรค แล้ว 4 ปีคนเหล่านี้ก็ทำให้พรรคประชาธิปัตย์มาสู่จุดนี้
ดังนั้นทุกคนก็ห่วงว่าจะตกต่ำไปมากกว่านี้หรือไม่ แล้วจะมีหรือที่ต่ำกว่านี้ เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมาได้ สส. บัญชีรายชื่อเพียง 3 คน ซึ่งก็คือการบริหารงานของจุรินทร์ ดังนั้นก็ขอฝากให้ยึดอุดมการณ์ของพรรค และกรรมการคนอื่นที่อยู่ในพรรคก็ขอให้ช่วยกันดูแล อย่าให้เขาเอาพรรคไปหากิน
ส่วนบทบาทของตนหลงจากนี้ก็จะพยายามประคับประคอง สนับสนุนสิ่งที่ดีให้กับพรรค ซึ่งการที่ตนต้องการหนุนอภิสิทธิ์ เพราะคิดว่าพรรคอยู่ในช่วงที่จำเป็นต้องมีผู้นำที่สังคมยอมรับ ซึ่งอภิสิทธิ์ไม่เคยด้อยกว่าใคร และมีประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ นำพาพรรคให้ดีขึ้นได้ เป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนได้ เพราะยังมีคนห่วงใยพรรค และสามารถพึ่งพา มุ่งมั่นทำประโยชน์ให้ประชาชนได้
แต่เมื่อเสนอแล้วผลออกมาที่การเลือกเฉลิมชัย และอภิสิทธิ์ได้ลาออกจากพรรค เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้กำลังใจกัน เช่นเดียวกัน วทันยา บุนนาค หรือมาดามเดียร์ ที่ตนก็รู้สึกเสียดาย และชื่นชมในความพยายาม เมื่อเห็นโพยส่งมาให้ดู มีการล็อกเอาไว้ไม่ให้ยกเว้นข้อบังคับเพื่อสนับสนุนมาดามเดียร์ ซึ่งแม้ผลจะไม่เปลี่ยน แต่ก็น่าจะให้เกิดการแข่งขัน ไม่ใช่หัวหน้าพรรคต้องมาตามโพย ซึ่งไม่มีใครเห็นด้วย และที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคมาด้วยระบบการแข่งขันทั้งสิ้น
ขณะเดียวกันก็เสียดายสมาชิกคนอื่นๆ ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะมาดามเดียร์ที่อยากให้อยู่กับพรรคต่อไป ยืนยันว่าตนเป็นสมาชิกพรรค เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และเป็น สส. ในพรรค ก็พยายามที่จะให้คำแนะนำพรรค ซึ่ง 77 ปี ยืนยันไม่ไปไหน เพราะเป็นหนี้บุญคุณพรรค เป็นชาวบ้านคนหนึ่ง เพราะพรรคให้โอกาส ไม่ได้สนใจฐานะตระกูลมาอย่างไร กระทั่งได้รับเลือกจนมาเป็นหัวหน้าพรรคได้ ดังนั้นบุญคุณนี้จึงใช้ไม่หมด ก็ต้องตอบแทนบุญคุณในช่วงปลายชีวิตของการเมือง
