คริส ยูแบงก์ส นักวิเคราะห์และนักเทนนิส ผู้ล้ม สเตฟานอส ซิตสิปาส

หลังจากการตกรอบของ แคสเปอร์ รุด นักเทนนิสมือวางอันดับ 4 ของโลกชาวนอร์วีเจียน ที่พ่ายต่อ เลียม บรอดี 2-3 เซ็ต 4-6, 6-3, 6-4, 3-6 และ 0-6 ในการแข่งขันรอบที่ 2 ทำให้วิมเบิลดันสูญเสียมือวางท็อป 5 ในรายการไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อคืนวานนี้เทนนิสแกรนด์สแลมคอร์ตหญ้าก็ต้องมาเสียมือวางอันดับ 5 ไปอีกคน หลัง สเตฟานอส ซิตสิปาส นักเทนนิสจากกรีซ พลาดท่าพ่ายต่อ คริสโตเฟอร์ ‘คริส’ ยูแบงก์ส นักเทนนิสมือ 43 ของโลกจากสหรัฐอเมริกา ไป 2-3 เซ็ต ด้วยสกอร์ 6-3, 6-7 ไทเบรก 4-7, 6-3, 4-6 และ 4-6

ความพ่ายแพ้ของซิตสิปาสทำให้สปอตไลต์ถูกฉายไปยังนักเทนนิสที่โค่นเขาอย่างยูแบงก์ส เพราะนอกจากเขาจะโค่นนักหวดมือ 5 ของโลกและของรายการรายนี้ได้แล้ว นักหวดวัย 27 ปีชาวอเมริกันยังโค่น คริส โอ คอนแนลส์ นักหวดมือวางอันดับ 73 ของโลกมาด้วยการเล่นไทเบรกได้ 3 เซ็ตรวด สกอร์ 7-6 ไทเบรก 7-5, 7-6 ไทเบรก 7-3 และ 7-6 ไทเบรก 7-2

โดยก่อนหน้านั้นเขายังเอาชนะ แคเมอรอน นอร์รี นักหวดเจ้าถิ่นมือ 13 ของโลก มาได้ในรอบที่ 2 ด้วยผล 3-1 เซ็ต 6-3, 3-6, 6-2 และ 7-6 ไทเบรก 7-3 ด้วย

การเอาชนะมืออันดับโลกที่เหนือกว่ามา 2 คน ใน 4 รอบ เพียงพอที่จะทำให้เขาถูกจับตามองแน่นอนอยู่แล้ว และปัจจุบันเขายังถูกยกย่องให้เป็น ‘ไทเบรกคิง’ หลังสามารถคว้าชัยชนะได้ทุกครั้งในการเล่นไทเบรกตลอดทัวร์นาเมนต์ที่ออลอิงแลนด์คลับในปีนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ คริส ยูแบงก์ส ไม่ได้มีความน่าสนใจเฉพาะฟอร์มการเล่นในคอร์ตเท่านั้น แต่เขายังมีเรื่องราวส่วนตัวที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนด้วย

ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเขายังนั่งเป็นนักวิเคราะห์เทนนิสทางช่อง Tennis Channel อยู่เลย แต่อีกเพียงไม่ถึง 4 เดือนต่อมา ชายคนนี้สามารถล้มนักเทนนิสมือท็อป 20 ของโลกได้ถึง 2 คนในเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียว และไม่ว่าเส้นทางของเขาในวิมเบิลดันจะจบลงตรงไหน แต่อนาคตในอาชีพการเล่นเทนนิสของชายคนนี้อาจเปลี่ยนไปตลอดกาล

เรื่องราวของยูแบงก์สน่าสนใจตั้งแต่เด็ก เขาเกิดมาในเมืองแอตแลนตา มลรัฐจอร์เจีย พ่อของเขาเป็นศาสนาจารย์ของคริสตจักรคณะแบ๊บติสต์และเป็นแฟนเทนนิสตัวยง ขณะที่คุณปู่ของเขาเองก็เป็นผู้ร่วมก่อตั้งโบสถ์คริสต์ นิกายแบ๊บติสต์ ในเมือง เมมฟิส มลรัฐเทนเนสซี

ยูแบงก์สจึงเติบโตขึ้นมาเป็นทั้งนักเทนนิสและคนเคร่งศาสนา ในวัยเด็กเขาจะต้องงดเว้นการเล่นเทนนิสในวันอาทิตย์ ไม่ว่าเกมแมตช์นั้นจะเป็นเกมการแข่งขันนัดสำคัญขนาดไหน เนื่องจากต้องเข้าโบสถ์ตามพ่อ แต่เมื่อโตขึ้นมาเขาก็ได้รับการยกเว้นให้ไปแข่งขันเทนนิสได้ เนื่องจากเกมในวันอาทิตย์มักเป็นเกมสำคัญ อย่างเช่น เกมรอบชิงชนะเลิศ

อย่างไรก็ตาม เขาต้องเล่นเทนนิสโดยปราศจากการมานั่งเชียร์ของพ่อเสมอ เนื่องจากพ่อของเขาต้องทำหน้าที่ศาสนาจารย์ที่โบสถ์ในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์เข้าโบสถ์กันตามปกติ ดังนั้นหน้าที่ไปเชียร์เขาในสนามจึงตกไปอยู่กับ คาร์ลา แม่ของเขา แทน

ยูแบงก์สกล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้สมัยที่ทำงานในช่อง Tennis Channel ว่า “คุณตา คุณพ่อ รวมไปถึงคุณแม่ของผม ได้ก่อตั้งคริสตจักรแบ๊บติสต์ที่โด่งดังในเมมฟิส สิ่งที่น่าตลกของการเป็นลูกของศาสนาจารย์คือ เมื่อคุณเล่นทัวร์นาเมนต์คุณจะพลาดการลงเล่นในวันอาทิตย์บ่อยมาก!

“ผมคิดว่าการปลูกฝังศรัทธาต่อพระเจ้าตั้งแต่อายุยังน้อยมีความสำคัญมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อ-แม่ของผมก็คิดแบบนั้น แต่ผมคิดว่าศรัทธาอาจหมายถึงสิ่งที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละคน สำหรับผม หนึ่งในสิ่งสำคัญของการมีศรัทธาคือ การนำมันไปใช้ในทุกย่างก้าวของชีวิต ซึ่งอาจรวมถึงเทนนิสของผมด้วย แค่เชื่อมั่นว่าถ้าผมทำในสิ่งที่ควรทำต่อไป มันจะออกมาดี”

ยูแบงก์สเลือกเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัยจอร์เจียเทค ที่นั่นเขากลายเป็นตัวเทนนิสของมหาวิทยาลัยและเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เขาเล่นเทนนิสที่นั่น 3 ฤดูกาล และมีชื่อติดทีมออล-อเมริกันถึง 2 ปี ซึ่งหมายถึงว่าเขาเป็นหนึ่งในนักเทนนิสระดับมหาวิทยาลัยที่เก่งที่สุดในสหรัฐฯ ในช่วงเวลานั้น แต่หลังจากนั้นเขาไม่ได้เรียนต่อในปีที่ 4 เพราะเขาลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อมาเทิร์นโปร

ยูแบงก์สกล่าวว่า “เป้าหมายในชีวิตของผมไม่ใช่การเล่นเทนนิสอาชีพหรืออะไรทำนองนั้น ผมพูดเสมอว่าผมอยากเป็นนักเทนนิสอาชีพ แต่จริงๆ แล้วผมไม่คิดว่าผมจะเชื่อว่ามันเป็นแบบนั้นจนกระทั่งอยู่ระดับมัธยมต้น

“จริงๆ แล้วมันคือการที่ผมตั้งใจมาเรียนเพื่อได้รับปริญญาในสายธุรกิจ แล้วผมคิดว่าผมอาจจะเล่นเทนนิสอาชีพได้ก็ได้ บางทีผมอาจเป็นโค้ชเทนนิสได้ในอนาคต เรามาลองดูกันก่อน เรียนไปด้วย เล่นเทนนิสไปด้วย แล้วมาดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ที่นี้สิ่งต่างๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไปหลังผมผ่านปีแรก แล้วผมก็ตัดสินใจที่จะเดินในเส้นทางสายเทนนิสอย่างเต็มตัว”

หากได้ดูการเล่นเทนนิสของยูแบงก์ส เขาคือนักเทนนิสสาย ‘เสิร์ฟโหด’ ของจริง หากไม่นับเกมล่าสุดที่พบกับซิตสิปาส ที่เกมเสิร์ฟของเขาดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าที่ แต่ 3 แมตช์ในรอบเมนดรอว์ก่อนหน้าเขาเสิร์ฟเอซน้อยสุดคือ 21 แต้ม โดยเกมที่เสิร์ฟเอซมากที่สุดคือเกมรอบแรกที่เอาชนะ ติอาโก มอนเตโร ที่เขาเสิร์ฟเอซไปถึง 28 ครั้ง

เป็นที่ทราบกันดีว่านักเทนนิสที่มีลูกเสิร์ฟที่ยอดเยี่ยมมักจะเป็นนักเทนนิสที่มีส่วนสูงมาก และยูแบงก์สก็มีส่วนสูงปาเข้าไปถึง 201 เซนติเมตร ซึ่งเขาก็ใช้ความสูงที่เขามีมาปรับใช้ในเทนนิสได้อย่างตรงจุด จนก่อนหน้านี้ก็สามารถคว้าแชมป์เทนนิสเอทีพี 250 รายการมายอร์กาแชมเปียนชิป ที่ประเทศสเปน ได้ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

แต่อีกเรื่องที่น่าเหลือเชื่อสำหรับชะตาชีวิตของยูแบงก์สคือ การที่เขากลับมาเล่นเทนนิสระดับสูงได้อีกครั้ง หลังจากที่เคยเกือบถอดใจที่จะเลิกเล่นเทนนิสไปแล้วในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ยูแบงก์สไม่เป็นที่รู้จักมากมายนักในวงการเทนนิสตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะอันดับโลกเขาอยู่ในหลักปลาย 100 หรือต้น 200 มาโดยตลอด ซึ่งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดเมื่อปลายปี 2019 อันดับโลกของเขาหล่นไปอย่างหนักถึงมือวางอันดับ 230 ของโลก

ด้วยการเดินทางไปแข่งขันที่ยากลำบากและฟอร์มที่ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ทำให้เขาพิจารณาที่จะรับงานอื่นๆ ไปด้วย โดยหนึ่งในนั้นคือการกลายมาเป็นนักวิเคราะห์ในทีวีช่อง Tennis Channel

โดยยูแบงก์สเคยพูดถึงการตัดสินใจครั้งนั้นกับเอเจนต์ส่วนตัวว่า “ฟังนะ ถ้าผมยังอยู่ในมือวางอันดับ 200 ในปีหน้า และไม่ได้มีอาการบาดเจ็บจนถึงขั้นทำอะไรไม่ได้ ผมก็สามารถทำอย่างอื่นได้ด้วยเมื่อมองถึงเวลาที่ผมมี การเป็นนักเทนนิสมือวางอันดับราวๆ 200 ของโลก มันไม่ได้สวยงามขนาดนั้นเลย”

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สุดท้ายยูแบงก์สตัดสินใจกลับมาเล่นเทนนิสแบบฟูลไทม์อีกครั้ง และนั่นดูเหมือนจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างมาก เพราะหลังจากที่เขาออกมาจากการเป็นนักวิเคราะห์เทนนิสแบบพาร์ตไทม์แล้ว เขากลับทำผลงานได้ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา

ยูแบงก์สจบเดือนมีนาคม 2023 ด้วยอันดับ 119 ของโลก แต่เมื่อผ่านเดือนเมษายนอันดับโลกของเขาก็จบที่ท็อป 100 ด้วยอันดับที่ 86 ของโลก ในการจัดอันดับวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา

หลังจากนั้นเมื่อจบเดือน 5 อันดับของเขาขึ้นไปรั้งมือวางอันดับ 75 ของโลก และเมื่อจบเดือนที่ผ่านมาด้วยการคว้าแชมป์มายอร์กาแชมเปียนชิป ยูแบงก์สก็สามารถก้าวผ่านการเป็นมือวางท็อป 50 ของโลกได้สำเร็จ โดยปัจจุบันเขารั้งมือวางอันดับ 43 ของโลก

นอกจากนี้การเอาชนะซิตสิปาสในรอบที่ 4 เมื่อวานนี้ ทำให้เจ้าของความสูง 2.01 เมตร การันตีคะแนนเพิ่มอีก 360 คะแนนแน่นอนแล้ว นั่นหมายความว่าเขามีโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาเป็นมือวางอันดับท็อป 30 หลังจบรายการนี้เป็นอย่างน้อยด้วย

นี่จึงเป็นชีวิตขาขึ้นแบบน่าเหลือเชื่ออย่างมากของเขา ทั้งที่หากย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนเขายังนักวิเคราะห์เกมทางทีวีอยู่เลย

และที่สำคัญคือ เราไม่มีทางรู้เลยว่ากราฟขาขึ้นของนักหวดรายนี้จะไปสิ้นสุดที่ตรงไหนหลังจบฤดูกาลนี้…

อ้างอิง: