วันนี้ (21 พฤศจิกายน) ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมติเสียงส่วนใหญ่ของคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ให้คงไว้ตามที่วุฒิสภาแก้ไข คือใช้หลักเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น โดยระบุว่า จากนี้เรื่องจะเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ซึ่งวุฒิสภาจะมีมติอย่างไรก็สุดแล้วแต่ แต่ในแนวโน้มคงเห็นชอบตามกรรมาธิการร่วม ขณะที่เดิมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ใช้เสียงข้างมากธรรมดา ไม่มีคัดค้านอะไรเลย
ชูศักดิ์คาดว่า สภาผู้แทนราษฎรคงยึดตามความเห็นเดิม คือไม่เห็นด้วยกับกรรมาธิการร่วม โดยให้ใช้มติของสภาผู้แทนราษฎร แปลว่ากฎหมายนี้ต้องถูกยับยั้งรอไว้ 180 วัน แล้วหยิบยกขึ้นมาพิจารณาใหม่ หากสภาผู้แทนราษฎรยืนตามความเห็นเดิมก็สามารถนำร่างที่สภาผู้แทนราษฎรเคยมีมติไว้ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้เป็นกฎหมายได้เลย
ส่วนหากรอไว้ 180 วัน ท้ายที่สุดจะทำรัฐธรรมนูญใหม่ทันหรือไม่ ชูศักดิ์ระบุว่า ขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่ทำประชามติ ถ้าทำประชามติ 3 ครั้ง ไม่ทันแน่ เพราะรัฐบาลเหลือระยะเวลา 2 ปีเศษ แต่ถ้าความเห็นเป็นอย่างอื่น สามารถย่อการทำประชามติเหลือ 2 ครั้งก็อาจทัน
“แต่ 2 ครั้งนี้ พูดง่ายๆ คือความเห็นของพรรคการเมืองทั้งหลายยังไม่ลงรอยกัน โดยเฉพาะฝ่ายสภาที่เป็นฝ่ายประจำ ที่เสนอแนะต่อประธานสภา ว่าต้องทำประชามติครั้งแรกก่อน โดยยังไม่มีร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เท่ากับว่าทำประชามติ 3 ครั้ง ซึ่งผมและทีมงานอยากจะขอพูดคุยเรื่องนี้กับคนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองหรือสภา ซึ่งถ้าสามารถทำได้ประชามติ 2 ครั้งก็อาจทัน” ชูศักดิ์กล่าว
ชูศักดิ์กล่าวต่อไปว่า มีเรื่องที่ยังไม่เคยเปิดประเด็นขึ้นมา เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ถ้าใครไปดูรัฐธรรมนูญโดยละเอียด จะมีมาตรา 137 วรรคท้าย บอกไว้ว่า ถ้าเป็นกฎหมายการเงิน ระยะเวลา 180 วัน ให้ลดลงเหลือ 10 วัน ซึ่งกฎหมายการเงินคือต้องใช้งบประมาณ ส่วนตัวจึงมองว่ากฎหมายประชามติเป็นกฎหมายการเงิน เพราะต้องใช้งบประมาณในการทำประชามติ รัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณให้ นี่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ฝากไว้ให้คิด และเสนอรัฐบาลว่าไม่จำเป็นต้องรอ 180 วัน แต่ก็เป็นความเห็นเท่าที่ตนเองได้อ่านรัฐธรรมนูญ คงต้องหารือในคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้ง เพราะหากลดเหลือ 10 วัน การทำประชามติ รวมถึงตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ก็จะทัน
ส่วนจะมีโอกาสหารือกับฝ่ายค้านหรือไม่ ชูศักดิ์กล่าวว่า ฝ่ายค้านมีความตั้งใจอยู่แล้ว อะไรที่เป็นไปได้เชื่อว่าฝ่ายค้านจะให้ความร่วมมือ เท่าที่ทำงานกันมาก็เห็นความตั้งใจของฝ่ายค้านที่จะทำรัฐธรรมนูญ ซึ่งฝั่งรัฐบาลก็มีความตั้งใจ และเขียนเป็นนโยบายไว้ว่าจะเร่งรัดการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนโดยเร็ว
เมื่อสื่อมวลชนถามว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาการเมืองหรือไม่ ชูศักดิ์ตอบติดตลกว่า “ผมไม่อยากทะเลาะกับใคร”
