วานนี้ (18 กรกฎาคม) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. จังหวัดน่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการ THE STANDARD NOW ดำเนินรายการโดย อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ ถึงประเด็นหากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกลว่า
เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ใน 2 กรณี คือ
- การโหวตนายกฯ รอบ 2 จะต้องเกิดขึ้นก่อน ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เช่น ไม่ได้โหวตนายกฯ หรือการเสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว หรือกรณีถ้าได้โหวตก็ต้องดูผลการลงมติอีกครั้งว่าได้เกิน 375 คะแนนเสียงหรือไม่
- การแถลงอย่างเป็นทางการของพรรคก้าวไกล โดยพิธาต้องออกมาแถลงเอง ซึ่งพิธาเคยกล่าวไว้เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมว่า “ถ้าไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว ก็ยินดีที่จะให้พรรคอันดับ 2 เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลภายใต้ MOU เดิมของ 8 พรรคร่วมในการโหวตนายกฯ รอบ 3”
ฉะนั้น 2 เหตุการณ์ดังกล่าวจะต้องเกิดขึ้นก่อน หากยังไม่เกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยจะไม่ดำเนินการอะไร เพราะยังไม่มีสัญญาณหรือข้อบ่งชี้ที่จะสร้างความชอบธรรมให้กับพรรคเพื่อไทยในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
นพ.ชลน่านระบุว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ต้องมาวิเคราะห์ฉากทัศน์การรวมเสียงให้ครบ 375 เสียง ดังนี้
- 312 เสียง (8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล) บวกกับสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นั้น ถ้ารวมเสียงครบ 375 เสียง ก็จะเสนอชื่อแคนดิเดตพรรคเพื่อไทยเพื่อโหวตนายกฯ ทันที (การโหวตนายกฯ รอบ 3)
- ถ้ารวมเสียงได้ไม่เกิน 375 เสียง ก็เป็นภาระของพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่ต้องดำเนินการ หรือหาวิธีการหาเสียงอย่างไรให้เพียงพอ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนคงเข้าใจในประเด็นดังกล่าว
นพ.ชลน่านระบุเพิ่มว่า การที่พรรคเพื่อไทยไม่เอาพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญในการพิจารณาอยู่ ฉะนั้นการรวมเสียงที่มีพรรคก้าวไกลอยู่ด้วยกันคือสิ่งที่ปรารถนามากที่สุด แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็เชื่อว่าประชาชนคงไม่ยอมให้พรรคอันดับ 3 จัดตั้งรัฐบาล
ทั้งนี้ นพ.ชลน่านได้ตอบกลับประเด็นของ ‘หาก 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลไปต่อไม่ได้ ไม่มีใครโหวตนายกฯ ให้ ระหว่างพรรคก้าวไกลหรือเพื่อไทย ฝ่ายใดจะต้องประกาศแยกทางในการจับมือตั้งรัฐบาลก่อน’ ว่า
“ในระบบเสียงข้างมากและการทำงานร่วมกัน ผมใช้คำว่าฉันทามติร่วมกัน และต้องออกมาพูดร่วมกัน ก็เป็นแถลงการณ์ร่วม เว้นแต่พรรคใดพรรคนั้นอาสาต้องการบอกเองเพื่อให้ประเทศเดินไปได้”