วันนี้ (20 กรกฎาคม) ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์หลังหารือกับแกนนำพรรคก้าวไกลว่า มติผู้บริหารพรรคมอบหมายให้ตนพิจารณาว่าเมื่อถึงเวลาเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ จะทำอย่างไร ซึ่งจะมีความชัดเจนเรื่องการเคาะชื่อแคนดิเดตหลังวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ ส่วนจะเดินหน้าคุยกับสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เลยหรือไม่นั้น คงต้องรอพรรคก้าวไกลไปประชุมภายในแล้วมาแจ้งเราเพื่อเริ่มกระบวนการคุยอย่างเป็นทางการ
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลจะขัดหรือไม่ถ้าหากพรรคเพื่อไทยจะขอเสนอชื่อเศรษฐา นพ.ชลน่านกล่าวว่า ไม่น่าขัด พรรคก้าวไกลไม่ได้ติดใจว่าแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยจะเป็นใคร แต่ที่ยังประกาศไม่ได้เพราะต้องดูสถานการณ์ทั้งหมดว่ามีความชัดเจน มีความมั่นใจในการเสนอชื่อเศรษฐา
“เป้าหมายเรา เราต้องมีความมั่นใจ เสนอต้องได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการทดลอง และหลังจากที่เราได้รับการประกาศชัดเจนว่าเราเป็นแกนนำ เราก็จะแสวงหาคะแนนผู้สนับสนุนจนมั่นใจ สมมติเรามั่นใจว่าคนนี้ เราจะประกาศพร้อมกัน แต่ที่ไม่ประกาศด้วยเงื่อนไขญัตติเมื่อวานนี้ (19 กรกฎาคม)” นพ.ชลน่านกล่าว
เมื่อถามว่า มีสูตรว่าพรรคเพื่อไทยจะไปรวมกับพรรคพลังประชารัฐ แต่ไม่เอา พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนั้น นพ.ชลน่านกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คิด เรามุ่งหน้าในการหาคะแนนโหวตบนพื้นฐานหลักการเดิมของเรา หากเราได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล แต่ถ้าไม่ได้จะแก้ไขอย่างไร
เมื่อถามย้ำว่า ถ้าจะโหวตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยต้องไม่มีมาตรา 112 เข้ามาเกี่ยวข้องใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 อยู่แล้ว และเมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ มีหน้าที่จะต้องหาคะแนนให้ได้ 375 เสียง นี่คือเป้าหมาย แต่วิธีการหาหากมีอุปสรรคและเงื่อนไขจะต้องไปจัดการในนามของพรรคร่วม
เมื่อถามย้ำว่า มาตรา 112 จะเป็นอุปสรรคในการโหวตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยครั้งที่ 3 หรือไม่ เพราะ ส.ว. หลายคนตั้งแง่อยู่ ถ้าหากยังมีพรรคก้าวไกลอยู่ด้วย นพ.ชลน่านกล่าวว่า ตอบแบบนี้คงไม่ถูก ในข้อเท็จจริงที่ ส.ว. อภิปรายว่าเขามีประเด็นในเรื่องมาตรา 112 เป็นอุปสรรคต่อการโหวตของ ส.ว. แน่นอน แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยมาเป็นแกนนำ เรามีเป้าหมายจะต้องรวมเสียงให้ได้ แต่การจะหาคะแนนจาก ส.ว. ต้องใช้กลไกหลายอย่าง
เมื่อถามต่อว่า ตอนนี้มี ส.ว. บางกลุ่มพร้อมจะสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย เพราะเขามั่นใจว่าจะไม่แตะมาตรา 112 นพ.ชลน่านย้ำว่า “พรรคเพื่อไทยเราไม่แตะมาตรา 112 และใน MOU ก็ไม่แตะมาตรา 112 แต่มีพรรคก้าวไกลอยู่ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องของพรรคและสมาชิกของก้าวไกล พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ จึงเน้นย้ำว่าต้องไม่อยู่ใน MOU ถ้าเราเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ไม่มีใครแตะ”