วันนี้ (27 มิถุนายน) ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมกรรมการบริหารพรรค และประชุม ส.ส. พรรคเพื่อไทย จะมีความชัดเจนถึงขั้นมีรายชื่อออกมาเลยหรือไม่
นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรามีคณะเจรจาที่จะไปคุยกับพรรคก้าวไกล ซึ่งจะหารือกันวันที่ 28 มิถุนายน วันนี้คงยังยกรายชื่ออะไรออกมาก่อนไม่ได้ ต้องรอให้คุยกับพรรคก้าวไกลก่อน ส่วนมติพรรคจะเป็นขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งเราทราบความต้องการของสมาชิกพรรคที่อยากให้พรรคเพื่อไทยได้ตำแหน่งประธานสภา ซึ่งคณะเจรจาก็มีข้อเสนออีกมุมหนึ่ง จึงจะนำสองมุมมองนี้มาหารือร่วมกันก่อนไปคุยกับพรรคก้าวไกลว่าทั้งสองพรรคจะมีทางออกอย่างไร
เมื่อถามว่าหากคุยกับพรรคก้าวไกลแล้ว ก่อนโหวตเลือกประธานสภาวันที่ 4 กรกฎาคม พรรคเพื่อไทยต้องมีการประชุม ส.ส. กันอีกครั้งหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ทุกอย่างต้องจบก่อนวันที่ 4 กรกฎาคม มั่นใจจบได้ด้วยดี แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นก็อาจมีการประชุม ส.ส. ก่อน และเชื่อว่าวันลงมติเสียงเพื่อไทยจะไม่แตก
เมื่อถามว่าหากมีการลงมติกันแล้วมั่นใจ ส.ส. พรรคเพื่อไทยจะโหวตทิศทางเดียวกันใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ตอนนี้เรายังไม่ใช้ที่ประชุมเพื่อลงมติ เพราะการเจรจายังไม่สิ้นสุด หากเอามติพรรคไปเป็นข้อเจรจาการหารือจะลำบาก เราต้องไปฟังคู่เจรจาก่อนว่าจากมุมของพรรคเพื่อไทยทั้งสองมุมพรรคก้าวไกลเห็นอย่างไร เราคุยกันแบบพรรคร่วมที่จะต้องจับมือร่วมกันไป เรารู้ว่าเราแยกกันไม่ได้ และเราเองก็ไม่มีทางที่จะแยกกันได้ด้วย ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่ถูกมัดด้วยอาณัติของประชาชนเช่นนี้จึงแยกยาก ต้องจับมือร่วมกันไปเพื่อทำงานตามที่ประชาชนมุ่งหวังคือรัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชน
เมื่อถามย้ำว่าไม่ว่าพรรคเพื่อไทยหรือก้าวไกลได้ตำแหน่งประธานสภาไป เสียง 8 พรรคร่วมจะไม่แตกใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า สิ่งสำคัญคือเราต้องจับมือกันไป ส่วนตำแหน่งประธานสภาหรือคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่เราต้องคุยกันเพื่อจับมือกันไปอย่างมั่นคง
เมื่อถามว่าการจัดตั้งรัฐบาลแบบข้ามขั้วจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในมุมเพื่อไทยมั่นใจไม่เกิดขึ้น เกิดขึ้นแต่ในมุมมองของสื่อ
เมื่อถามถึงความกังวลในการเสนอชื่อนายกฯ แข่งของฝ่ายรัฐบาลเดิมในวันโหวตเลือกนายกฯ เมื่อรวมกับเสียงของ ส.ว. จะได้รัฐบาลเสียงข้างน้อย นพ.ชลน่านกล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้ เพราะเขามีสิทธิที่จะทำ หากเขาทำเช่นนั้นโอกาสได้นายกฯ สูงมาก เพราะเขามีเสียง 188 บวกกับ ส.ว. 250 ก็เกิน 376 เสียง ก็ถือเป็นข้อกังวล แต่หากการโหวตครั้งแรกๆ เขาน่าจะมีความละอาย ไม่เกรงกลัวต่อบาปก็ได้ ดังนั้นเขาน่าจะละอายที่ไม่เสนอชื่อนายกฯ เสียงข้างน้อยมาแข่ง อย่างไรก็ตาม หากเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง เรามีหน้าที่รับมือไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น
เมื่อถามว่า ส.ว. บางคนแสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่โหวตเลือก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ นพ.ชลน่านกล่าวว่า คนที่ตัดสินคำนั้นดีที่สุดคือประชาชน เพราะประชาชนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ เหตุผลที่เขาจะมีรัฐบาลเสียงข้างน้อยคือเขาเป็นนายกฯ เพื่อยุบสภาและสกัดกั้นไม่ให้ฝ่ายประชาธิปไตยเป็นรัฐบาลเท่านั้น ต้องถามว่าประชาชนเอาหรือไม่ รับได้หรือไม่
ส่วนการประสานกับ ส.ว. ก่อนการโหวตเลือกนายกฯ นั้น นพ.ชลน่านกล่าวว่า เป็นหน้าที่หลักโดยเฉพาะของพรรคก้าวไกลที่ต้องพูดคุยหาเสียงจาก ส.ว. และ ส.ส. จากพรรคอื่นที่ไม่ได้ประกาศเข้าร่วมรัฐบาล ให้ได้เสียง 376 เสียง เพื่อให้ตั้งรัฐบาลได้ แต่หากพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็ต้องมีคำตอบให้ประชาชนว่าเป็นเพราะอะไร เขาจะได้หาวิธีการและช่องทางในการตัดสินอนาคตของประเทศได้ว่าเขาจะทำอย่างไร
นพ.ชลน่านเชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะมีแผนสำรองอยู่ตลอด เราเองในฐานะ 8 พรรคร่วมไม่สามารถพูดได้ว่าเรามีแผนสำรอง เรามีแบบแผนหลักคือจะทำอย่างให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนหลักจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และพิธาเป็นนายกฯ คนที่ 30 เท่านั้น
เมื่อถามว่าหากวันนั้นโหวตพิธาเป็นนายกฯ ไม่สำเร็จ 8 พรรคร่วมรัฐบาลจะทำอย่างไรต่อ นพ.ชลน่านกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าพรรคอันดับ 2 เดินอย่างไร แต่ต้องทั้ง 8 พรรคมาคุยกัน”
เมื่อถามว่าหากเป็นพรรคเพื่อไทยจะสามารถรวมเสียงได้ 376 เสียงหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า “ด้วยความเคารพ ผมพยายามที่จะไม่ตอบคำถามนี้ เพราะผมตอบไม่ได้จริงๆ หากตอบจะกลายเป็นเงื่อนไขที่เราพยายามแย่งจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งไม่ดี”
เมื่อถามถึงกระแสข่าว พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปประเทศอังกฤษเพื่อดีลลับกับพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่านกล่าวว่า “ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าไม่มีดีลลับ เพราะถ้ามีเขาต้องมาแจ้งผม ซึ่งคนดีลกลับมาแล้ว และในนามหัวหน้าพรรคยืนยันไม่ได้รับการแจ้งเบาะแสเรื่องที่เป็นข่าว โดยสรุปคือเราไม่มีดีลลับ”
ส่วนจะเป็นการดิสเครดิตทำลายพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า แล้วแต่จะมอง เราชินชาแล้ว แต่ก็คงไปห้ามไม่ให้มีข้อวิจารณ์ไม่ได้ แต่เรายืนยันว่าจะยึดในวิถีประชาธิปไตยและประชาชนเป็นหลัก