หุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกเทขายจนร่วงทำจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2008 โดยดัชนี Nasdaq Golden Dragon China ลดลงถึง 10% หลังจากสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ เปิดชื่อ 5 บริษัทที่เข้าข่ายถูกเพิกถอนออกจากตลาดหุ้น หากไม่ทำตามข้อกำหนดของ HFCAA
วันนี้ (11 มีนาคม) หุ้นจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ เผชิญกับบรรยากาศการซื้อขายที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปีที่เกิดวิกฤตการเงินโลก (2008) เนื่องจากนักลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับกฎระเบียบใหม่ที่ออกโดยผู้กำกับดูแลของจีน
โดยดัชนี Nasdaq Golden Dragon China ซึ่งเป็นดัชนีแทนหุ้นจีนที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลดลง 10% ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (10 มีนาคม) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2008 ส่วนหุ้นขนาดใหญ่ของจีน เช่น Alibaba Group Holding Ltd. และ Baidu Inc. ร่วงลงอย่างน้อย 6% และหุ้นบริษัท Nio Inc. และ XPeng Inc. ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ปรับลดลงมากกว่า 9%
นอกจากข้อขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกตื่นตัวแล้ว หุ้นจีนยังอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักหลังจากการปราบปรามด้านกฎระเบียบ โดยถูกถล่มขายทิ้งในวันพฤหัสบดี เรียกได้ว่าเป็นการพลิกผันอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเมื่อวันก่อนหน้า หุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพิ่งจะพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบกว่าหนึ่งเดือน
ทางด้านดัชนี Hang Seng Tech ไต่ขึ้นถึง 4.4% จากนั้นปรับตัวลดลงระหว่างวัน ก่อนที่ปิดตลาดด้วยการรีบาวด์ขึ้นประมาณ 1%
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ระบุถึงชื่อบริษัทจีน 5 แห่งภายใต้กฎหมาย Holding Foreign Companies Accountable Act ที่ไม่สามารถตรวจสอบทางบัญชีได้ ได้แก่ BeiGene Ltd., Yum China Holdings Inc., Zai Lab Ltd., ACM Research Inc. และ HUTCHMED (China) Ltd. ซึ่งทั้ง 5 บริษัทดังกล่าว อาจถูกเพิกถอนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ หากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของ HFCAA เป็นเวลาสามปีติดต่อกัน
ขณะที่บริษัท Zai Lab แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทกำลังพิจารณาและปรับเปลี่ยน รวมถึงดำเนินการตามกระบวนการทางธุรกิจเพิ่มเติม เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของ HFCAA เช่นเดียวกันกับบริษัท BeiGene ที่ระบุว่าบริษัทอยู่ระหว่างปรับเปลี่ยนกระบวนการต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของ HFCAA
เบรนแดน เฮิร์น หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของ KraneShares กล่าวว่า ข้อกังวลเรื่องการถูกเพิกถอนออกจากตลาดหุ้นเป็นความเสี่ยงที่มีน้ำหนักมากๆ ต่อหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อรวมกับความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และหุ้นฮ่องกงที่ไต่ขึ้นเล็กน้อยในชั่วข้ามคืน ก็ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายของสหรัฐฯ เช่นกัน
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) ออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี (10 มีนาคม) ว่าต้องการทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ในการตรวจสอบบัญชีตามแนวทางปฏิบัติสากล โดย CSRC จะเคารพมาตรการที่ใช้เพื่อเสริมสร้างการกำกับดูแลสำนักงานบัญชี แต่ขอคัดค้านกฎระเบียบด้านหลักทรัพย์ทางการเมือง
ทางด้านโฆษกจาก BeiGene ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพ กล่าวกับ Bloomberg News ว่าบริษัทกำลังทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของ HFCAA และคาดว่าจะยังคงเป็นบริษัทจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้น Nasdaq, HKEX และตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ได้ดังเดิม
แม้จะมีการเทขายอย่างหนักในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แต่นักวิเคราะห์บางคนก็ยังไม่ตัดหุ้นจีนออกจากการมอนิเตอร์และประเมินมูลค่าหุ้น โดยให้เหตุผลว่าการออกมาให้ข้อมูล 5 บริษัทจากสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ ไม่ใช่เรื่องใหม่ และหากจะมีการเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์จริง เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในปี 2567-2568 และบริษัทนั้นๆ ต้องล้มเหลวในการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ HFCAA เป็นเวลาสามปีติดต่อกัน
อ้างอิง:
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-03-10/china-stocks-trading-in-u-s-tumble-10-after-wild-ride-in-asia?sref=CVqPBMVg
- https://www.cnbc.com/2022/03/11/us-delisting-fears-resurface-for-dual-listed-chinese-companies.html
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP