×

หุ้นจีนกลับสู่เรดาร์นักลงทุนทั่วโลก บนตัวเลขเศรษฐกิจที่ไม่ได้แย่อย่างที่คิด

10.09.2025
  • LOADING...
chinese-stocks

หุ้นจีนกลับมาอยู่ในเรดาร์ของนักลงทุนทั่วโลกอีกครั้ง ถือเป็นตลาดหุ้นหลักของโลกที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ดัชนี CSI 300 (ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2568) พุ่งขึ้นกว่า 8% และหากมองย้อนกลับไปตลอด 1 ปีที่ผ่านมา หุ้นจีนฟื้นตัวกลับมาได้กว่า 40%  

 

แต่หนึ่งในคำถามสำคัญที่เกิดขึ้นคือ การฟื้นตัวของหุ้นจีนในรอบนี้จะเป็นเพียงแค่การฟื้นตัวระยะสั้น หรือจะเป็นตลาดกระทิงครั้งใหม่  

 

ตัวเลขเศรษฐกิจไม่ได้แย่อย่างที่คิด

 

แน่นอนว่าเศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญกับแรงกดดันในหลายๆ ด้าน ทั้งสงครามการค้าและการขึ้นภาษีจากสหรัฐฯ ขณะที่เศรษฐกิจภายในก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวเต็มที่ ทั้งปัญหาเงินฝืด อุปสงค์ในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และภาคอสังหาฯ ที่ยังอ่อนแอ  และข้อมูลเศรษฐกิจจีนในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาก็กลับมาสร้างความกังวลให้กับตลาดต่อทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในช่วงครึ่งหลังของปี 2568

 

  • ยอดค้าปลีก ก.ค. 3.7% y/y  เป็นระดับต่ำสุดในปีนี้ และต่ำกว่าคาดที่ 4.6% และเดือน มิ.ย. ที่ 4.8%  สะท้อน Demand ในประเทศที่อ่อนแอ
  • ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ขยายตัว 5.7% y/y  ต่ำกว่าคาดที่ 6.0% และ เดือน มิ.ย. ที่ 6.8%  แต่ยังเป็นบวกได้ 16 เดือนติดต่อกัน ความยืดเยื้อของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน รวมถึงข้อตกลงของสหรัฐฯกับประเทศอื่นๆ อาจส่งผลให้กิจกรรมภาคการผลิตชะลอตัวลงในครึ่งหลังของปี เนื่องจากมีการเร่งผลิตและส่งออกไปแล้วไปช่วงต้นปี 
  • การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคเอกชนลดลง -1.5% y/y YTD เป็นการหดตัวที่ต่ำสุดตั้งแต่ ต.ค. 2563  จากความไม่แน่นอนของการค้าและแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
  • ผลสำรวจอัตราการว่างงาน ปรับตัวขึ้นจาก 5.0% สู่ 5.2% แต่ส่วนนึงเป็นผลจากฤดูกาลจบการศึกษาทำให้มีคนหางานเพิ่มมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม UOB Privilege Banking มองว่าตัวเลขที่ชะลอตัวในเดือน ก.ค. นั้นเป็นผลกระทบจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ทั้งปัจจัยด้านฤดูกาล เช่น ความผันผวนที่รุนแรงของอากาศ (อากาศร้อนมากและน้ำท่วม) ส่งผลกระทบต่อตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และความไม่แน่นอนของนโยบายการค้ากับสหรัฐฯ 

 

แม้ข้อมูลรายเดือนจะมีความผันผวน แต่ภาพรวมของเศรษฐกิจจีนครึ่งปีแรก ยังคงแข็งแกร่งและมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการที่น่าสนใจ ไล่ตั้งแต่การเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ที่ขยายตัว 5.3% ซึ่งเป็นฐานที่แข็งแกร่งในการบรรลุเป้าหมายการเติบโตทั้งปีที่ตั้งเป้าไว้ 5%  โดยการเติบโตในช่วงครึ่งแรกของปีนั้นเป็นผลจากทั้งปัจจัยภายใน อย่างภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มการผลิตอุปกรณ์ขยายตัว 10.2% และการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงเพิ่มขึ้น 9.5% สะท้อนถึงตัวขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ๆ และการฟื้นตัวของกิจกรรมในภาคธุรกิจ โครงการของเก่าแลกของใหม่ (Trade-in Program) ของภาครัฐยังเข้ามาช่วยหนุนการใช้จ่ายผู้บริโภค และปัจจัยภายนอกมาจากการเร่งส่งออกก่อนข้อยกเว้นภาษี 90 วันกับประเทศอื่น ๆ ยกเว้นจีนจะสิ้นสุดลง 

 

ด้านการบริโภคที่มีการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ยอดค้าปลีกก็ยังเติบโตได้ 5% y/y และการบริโภคขายตัวไปยังกลุ่ม e-commerce และภาคบริการซึ่งช่วยให้ภาพรวมการบริโภคยังเติบโตได้ แม้ว่าการบริโภคภาคครัวเรือนในสินค้ามูลค่าสูงและสินค้าฟุ่มเฟือยจะชะลอตัวท่ามกลางแรงกดดันเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจ

 

การเติบโตที่สูงกว่าคาดในช่วงครึ่งแรกของปี ประกอบกับการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯที่มีทิศทางดีขึ้นกว่าช่วงแรก ทำให้ UOB Privilege Banking ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของจีนในปี 2568 ขึ้นเป็น 4.9% จากเดิมที่ 4.6%

 

หลายปัจจัยสนับสนุนมุมมองเชิงบวกต่อจีน

 

อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนหุ้นจีนล่าสุด คือความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ ที่ผ่อนคลายลง หลังจากเส้นตายการเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ถูกเลื่อนออกไปอีก 90 วัน เป็นวันที่ 10 พ.ย. เปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาข้อตกลงทางการค้า และหากทำได้สำเร็จ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 

 

ขณะที่การประชุมคณะกรรมาธิการกลางด้านการเงินและเศรษฐกิจ (CCFEA) ในเดือนกรกฎาคมได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน (Overcapacity) และสงครามราคา ซึ่งจะนำไปสู่กลไกตลาดที่มีเหตุผลมากขึ้น ช่วยรักษาเสถียรภาพด้านราคาและเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของภาคธุรกิจ

 

ด้านนโยบายการเงินยังอยู่ในระดับที่ผ่อนคลายแบบค่อยเป็นค่อยไป คาดว่า PBoC จะลดดอกเบี้ย 7-day reverse repo , LPR 1 ปี และ LPR 5 ปี ที่ 10 bps ใน 4Q25  ส่งผลให้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.30% , 2.90% และ 3.40% และอาจมีการลด RRR ลงได้อีก 50 bps เพื่อเสริมสภาพคล่องในตลาดเพิ่มเติม 

 

อีกหนึ่งปัจจัยที่นักลงทุนส่วนมากมองไปในทิศทางเดียวกันคือ มูลค่าหุ้นจีนที่ยังไม่สูงนัก และนักลงทุนทั่วโลกยังมีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นจีนไม่มากนัก หากความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา จะกระตุ้นให้นักลงทุนกลับมาให้มูลค่าหุ้นจีนสูงขึ้น

 

กลยุทธ์การลงทุนหุ้นจีน 

 

UOB Privilege Banking เชื่อว่าท่ามกลางข่าวสารที่ยังไม่แน่นอนทั้งเชิงบวกและลบ นักลงทุนไม่ควรมองข้ามโอกาสในการกระจายการลงทุนในตลาดจีน โดยเฉพาะหากตลาดหุ้นจีนเผชิญกับความผันผวนในระยะสั้น​ จะเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน เพื่อการเติบโตระยะยาว

 

โดยแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นจีนผ่านกองทุนรวม ที่มีการกระจายการลงทุนแบบ All China (ทั้ง A-Shares, H-Shares และ ADRs) ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการลงทุนที่หลากหลาย ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ

 

 กองทุนรวมหุ้นจีนที่น่าสนใจ

 

  • On-shore Fund สำหรับนักลงทุนทั่วไป ลงทุนเป็นสกุลเงินบาท แนะนำกองทุน UCHINA (กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ออล ไชน่า อิควิตี้ ฟันด์) ลงทุนในกองทุนหลักชื่อ UBS (LUX) Equity SICAV- All China USD (Class I-A1-acc)
  • Off-shore fund สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนด้วยสกุลเงิน USD หรือต้องการลงทุนตรงที่กองทุนหลักในต่างประเทศ  แนะนำกองทุน Allianz All China Equity AT USD 

 

สำหรับท่านที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดต่อที่ปรึกษาทางการเงิน (Client Advisor) ของ UOB Privilege Banking โทร. 0 2081 0999 หรือคลิก www.uob.co.th/privilegebanking    

 

คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

 

UOB Privilege Banking

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising