บริษัทสมาร์ทโฟนทั่วโลกต่างโอดครวญ จากทั้งปัญหาโควิดที่ส่งผลต่อกำลังซื้อ มิหนำซ้ำยังเจอปัญหาขาดแคลนชิปอีก ซึ่งหนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายอย่าง Oppo บริษัทผลิตสมาร์ทโฟนแดนมังกร ได้ทำการปรับตัวด้วยการลดจำนวนพนักงานทีมซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ (Software and Device Team) ลงถึง 20% หลังจากเมื่อกลางปีนี้ได้ทำการควบรวมกิจการกับบริษัทคู่แข่งที่เล็กกว่าอย่าง OnePlus ที่เน้นเจาะกลุ่มสมาร์ทโฟนไฮเอนด์
การลดจำนวนพนักงานของ Oppo ลงนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อทีมที่มีความสำคัญด้านการปรับแต่งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ให้เข้ากับระบบหลังบ้านของ Oppo อย่าง ColorOS รวมถึงยังกระทบต่อแผนกอุปกรณ์ IoT (Internet of thing) ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าสวมใส่อย่างสมาร์ทวอทช์และหูฟัง เป็นต้น
นอกจากนี้การควบรวมกิจการกับ OnePlus นั้นเป็นการดึงทรัพยากรของทั้งสองมาใช้ร่วมกัน และยังสามารถลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อีกด้วย แต่ปัญหาที่ตามมาคือ การมีพนักงานในตำแหน่งที่ซ้ำซ้อนกัน ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่มากโดยไม่จำเป็น
นี่จึงอาจเป็นหนึ่งเหตุผลที่ Oppo ตัดพนักงานออกมากถึง 20% ซึ่งหนึ่งในพนักงานของ Oppo เล่าว่า ทีมวิจัยและพัฒนาสินค้า (R&D) และทีมพนักงานขายต่างประเทศยังไม่ได้รับผลกระทบจากการตัดนี้มากนัก แต่ในรายงานของ Bloomberg ระบุว่า ทางตัวแทนของบริษัท Oppo ไม่ขอให้ความเห็นในเรื่องนี้
Oppo เคยเป็นบริษัทสมาร์ทโฟนที่มียอดขายมากที่สุดในจีนเมื่อปี 2016 โดยการสร้างแบรนด์จากการระดมพันธมิตรผู้ค้าปลีกหลายๆ แห่งในพื้นที่ชนบทมาขายสินค้าของตัวเอง และสร้างจุดขายของแบรนด์โดยใช้ขนาดของความจุแบตเตอรี่และหน่วยความจำที่มากกว่าเจ้าอื่นๆ
ทว่าความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นเพียงแค่ในแดนมังกรเท่านั้น เพราะหลังจากนั้น Oppo ทำการขยายตลาด โดยลงทุนมหาศาลเพื่อขยายไปยังตลาดอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยุโรป แต่ผลลัพธ์กลับออกมาไม่สวยอย่างที่คาดหวัง กลับโดนคู่แข่งบ้านเดียวกันอย่าง Xiaomi และ Apple จากอเมริกาสกัดดาวรุ่ง ทั้งในลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์โดย Apple และกลุ่มล่างถึงกลางโดย Xiaomi มิหนำซ้ำยังโดนพิษโควิดซ้ำอีกระลอก ส่งผลให้ตลาดในประเทศจีนชะลอตัวลงจากการล็อกดาวน์
โดยข้อมูลจากนักวิเคราะห์ของ IDC ระบุว่า จำนวนการส่งมอบสมาร์ทโฟนของ Oppo ในไตรมาส 2 ปีนี้นั้นเพิ่ม 37% แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะสามารถรักษาตำแหน่งอันดับ 4 ด้านจำนวนการส่งมอบสมาร์ทโฟนที่เคยอยู่ในปี 2020 ได้
นอกจากตลาดสมาร์ทโฟนแล้ว ตลาดใกล้เคียงอย่างสมาร์ทวอทช์ก็มีผลงานที่ไม่ดีนัก หลังจากเข้าเล่นในตลาดนี้มาหลายปี โดย ไบรอัน หม่า นักวิเคราะห์ของ IDC ประมาณการว่า Oppo ยังคงมีส่วนแบ่งตลาดไม่ถึง 1% และสินค้าอีกตัวอย่าง หูฟัง มีสัดส่วนการส่งมอบเพียง 1.7% เท่านั้น
ทางด้านของบริษัท OnePlus ที่เข้ามาควบรวมกิจการด้วยก็เคยทำการบุกตลาดอเมริกาเหมือนกับบริษัทเพื่อนบ้านอย่าง Oppo และ Xiaomi เช่นเดียวกัน โดย OnePlus เข้าเล่นในตลาดกลุ่มสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ โดนขาใหญ่อย่าง Apple และ Samsung รุมมาสะบักสะบอมเช่นเดียวกับเพื่อนรักอย่าง Oppo
อ้างอิง:
