สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ได้ให้การต้อนรับและพูดคุยกับ หม่าอิงจิ่ว อดีตประธานาธิบดีของไต้หวัน ที่กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (10 เมษายน) โดยถือเป็นการพบปะกันครั้งที่ 2 ของทั้งสองฝ่าย และเป็นความเคลื่อนไหวที่หาได้ยากจากฝั่งจีน จนทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายสำนักมองว่าอาจจะเป็นการส่งสัญญาณแสดงความเต็มใจของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์แห่งแดนมังกรในการที่จะพูดคุยกับรัฐบาลของเกาะไต้หวัน ซึ่งการพบกันครั้งนี้มีขึ้นก่อนที่ ไล่ชิงเต๋อ ประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวัน จะสาบานตนรับตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม
โดยหม่าอิงจิ่วแห่งพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งเป็นพรรคที่โปรจีน ถือเป็นอดีตผู้นำไต้หวันคนแรกที่เดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง ซึ่งเจ้าตัวเดินทางมาพร้อมกับ ไคฉี และ หวังฮู่หนิง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรค
ทั้งนี้ ในการประชุมเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (10 เมษายน) ณ มหาศาลประชาชน หรือ Great Hall of the People สีจิ้นผิงได้กล่าวกับหม่าอิงจิ่วว่า การแทรกแซงจากภายนอกไม่สามารถหยุดยั้งกระแสการรวมชาติตามที่จีนตั้งใจไว้ได้ โดยหลายฝ่ายมองว่า ข้อความดังกล่าวเป็นสารที่ผู้นำจีนต้องการสื่อไปยังสหรัฐฯ ซึ่งให้การสนับสนุนทางการเมืองและการทหารแก่ไต้หวันอยู่ในขณะนี้
โดยสำนักข่าว Reuters รายงานว่า สีจิ้นผิงย้ำว่าการรวมชาติดังกล่าวเป็นการรวมญาติที่ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อาจขัดขวางการดำเนินการในครั้งนี้ได้
ขณะที่หม่า อดีตประธานาธิบดีไต้หวันในช่วงปี 2008-2016 กล่าวว่า ไต้หวันและจีนควรยึดมั่นในฉันทมติปี 1992 นั่นคือข้อตกลงระหว่างจีนกับพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งระบุว่า มีเพียงจีนเดียวเท่านั้น (Just One China) ไม่มีจีนอื่นใดอีก กระนั้นทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นต่างกันในเรื่องคำจำกัดความของประเทศ
ขณะเดียวกันหม่ายังกล่าวด้วยว่า หากเกิดสงครามความขัดแย้งบริเวณช่องแคบไต้หวัน ชาวจีนและชาวไต้หวันย่อมไม่สามารถแบกรับได้ และชาวจีนทั้งสองฟากฝั่งของช่องแคบแห่งนี้ มีสติปัญญาเพียงพอที่จะจัดการกับข้อพิพาทต่างๆ ได้อย่างสงบและหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
ด้านสำนักข่าว Xinhua สื่อท้องถิ่นของทางการจีน รายงานว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้กล่าวกับอดีตประธานาธิบดีหม่าอิงจิ่วว่า การเจรจาระหว่างสองฝ่ายอาจเริ่มต้นได้หากไต้หวันรับรู้ว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของจีน พร้อมกันนี้ผู้นำจีนยังใช้โอกาสนี้แสดงความเสียใจต่อเหยื่อเหตุแผ่นดินไหวร้ายแรงในไต้หวันเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ผู้เชี่ยวชาญมองว่า แม้การประชุมที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่น่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานใดๆ ในความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ แต่ก็มีน้ำหนักเชิงสัญลักษณ์สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไต้หวัน แถมการประชุมดังกล่าวยังเกิดขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ ที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เพื่อหารือเกี่ยวกับความกังวลที่เกี่ยวกับความกล้าแสดงออกที่เพิ่มขึ้นของจีน
จาเอียนชง รองศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ชี้ว่า การจัดประชุม Xi-Ma ในช่วงเวลาเดียวกับที่สหรัฐฯ พบปะชาติพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียอย่างญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ น่าจะเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการจัดการความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบอย่างสันติของจีนในการเผชิญกับ 3 ชาติพันธมิตรไตรภาคีที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ด้านกลาโหม และสีจิ้นผิง ผู้นำที่มีอำนาจมากที่สุดของจีนนับตั้งแต่ เหมาเจ๋อตง อาจพยายาม “แสดงให้เห็นว่าผู้คนจากไต้หวัน โดยเฉพาะบุคคลสำคัญทางการเมือง จะได้รับการปฏิบัติและความเคารพอย่างดีหากพวกเขาปฏิบัติตามความปรารถนาของเขา”
อ้างอิง:
