×

ตำรวจจับ 2 บอสจีนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สร้างเพจหลอกเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังสุ่มกบดานในไทย และข้ามไปสั่งงานตึก 20 ชั้นประเทศเพื่อนบ้าน

โดย THE STANDARD TEAM
06.02.2025
  • LOADING...
ตำรวจนครบาลแถลงจับกุมบอสจีนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมแสดงของกลางรถหรู เงินสด และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท

วันนี้ (6 กุมภาพันธ์) พล.ต.ท. สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต. วสันต์ เตชะอัครเกษม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รักษาราชการรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และรองหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล ชุดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอปส.ตร.) แถลงผลจับกุม ยีวานโยว อายุ 29 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.784/2568 และ ลี่เว่ยเจีย อายุ 30 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.785/2568

 

จับกุมในข้อหาเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใดๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือยืมบัญชีเงินฝากหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด และเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใดๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือให้ยืมหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้ในนามของบุคคลหนึ่งแต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ 

 

พร้อมตรวจยึดของกลาง เงินสดไทยและต่างประเทศ มูลค่าประมาณ 417,546.67 บาท ของแบรนด์เนมจำนวนมาก มูลค่าประมาณ 4,305,846.67 บาท รถยนต์ Mercedes-Maybach S 580 e ราคาประมาณ 11,000,000 บาท และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นจำนวนมาก รวมทรัพย์สินที่ตรวจยึดมูลค่าประมาณ 15,305,846.67 บาท

 

โดยตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้ภายในบ้านพักซอยพหลโยธิน 32 หลังมีข้อมูลว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 รายเป็นตัวการใหญ่ (บิ๊กบอส) ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีพฤติการณ์ใช้กลโกงโดยการสร้างเพจปลอมเป็นหน่วยงานราชการ พร้อมเผยแพร่คีย์เวิร์ด ‘ติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกคืน’ และยิงแอดโฆษณาปั่นยอดไลก์ เพื่อหลอกลวงเหยื่อที่เคยถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 

 

พล.ต.ท. สยาม กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 มีผู้เสียหายรายหนึ่งเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาล (สน.) หัวหมาก ว่าถูกหลอกลวงผ่านเพจเฟซบุ๊ก อ้างว่าให้ผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงมาแจ้งความร้องทุกข์ผ่านลิงก์ในเพจเฟซบุ๊กได้ โดยผู้เสียหายรายนี้ถูกหลอกไปมากกว่าล้านบาท 

 

ต่อมาฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก และสืบนครบาลได้สืบสวนขยายผลเพิ่มเติม จนสามารถไปสอบปากคำพยานปากสำคัญที่บริเวณชายแดนได้หลายปาก ซึ่งพยานทั้งหมดยืนยันว่ามีตัวการใหญ่คือ 2 ผู้ต้องหาชาวจีนที่สามารถจับกุมได้ในวันนี้ 

 

ทางตำรวจจึงสามารถรวบรวมพยานหลักฐานและขออำนาจศาลออกหมายจับชาวจีนทั้ง 2 ราย โดยทั้งสองมีพฤติการณ์เป็นหัวหน้าผู้สั่งการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในตึก 20 ชั้น โดยจะให้ลูกน้องในเครือข่ายเปิดเพจเฟซบุ๊กปลอม อ้างว่าเป็นหน่วยงานราชการในไทย เพื่อให้ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงมากรอกข้อมูลแจ้งความร้องทุกข์

 

โดยได้นำรูปนายตำรวจระดับสูงมาแอบอ้างเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ แล้วหลังจากนั้นกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็จะโทรหาผู้เสียหายทำทีอ้างว่าจะให้การช่วยเหลือ ก่อนที่จะหลอกเงินผู้เสียหายซ้ำเติมเสมือนเป็นการซ้ำเติมเหยื่อ โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อไปสั่งการงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แล้วจะข้ามกลับมาที่ประเทศไทย โดยจะมากบดานเช่าบ้านภายในซอยพหลโยธิน 32 ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเซฟเฮาส์ ซึ่งจากข้อมูลพบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีราคามูลค่ากว่า 15 ล้านบาท แต่ผู้ต้องหาทั้งสองเช่าอาศัยเดือนละ 100,000 กว่าบาท จนกระทั่งในวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สามารถเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้

 

นอกจากนี้ยังพบว่าในโทรศัพท์มือถือมีข้อมูลเป็นรูปภาพ QR Code และรูปภาพเครื่อง SIM Box และซิมโทรศัพท์มือถือที่ยังไม่เปิดใช้งานเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลังจากนี้ทางตำรวจจะต้องนำข้อมูลดังกล่าวไปตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติมว่ามีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และผู้เสียหายอย่างไร 

 

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ให้การใดๆ กับตำรวจ ซึ่งหลังจากนี้ทางตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปดำเนินคดีที่ สน.หัวหมาก ซึ่งเป็นท้องที่ที่มีการแจ้งความของผู้เสียหายต่อไป รวมทั้งหลังจากนี้ทางตำรวจจะขยายผลเรื่องการฟอกเงินและตัวการหรือลูกทีมในขบวนการอื่นเพิ่มเติม เพราะพบว่าผู้ต้องหาชาวจีน 2 รายนี้เป็นส่วนหนึ่งของแก๊งขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในตึก 20 กว่าชั้นในประเทศเพื่อนบ้าน

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising