รายงานล่าสุดของ New World Wealth และที่ปรึกษาด้านการย้ายถิ่นฐานเพื่อการลงทุน Henley & Partners เผยว่า มหาเศรษฐีโลกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยจีนเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
จำนวนมหาเศรษฐี Centimillionaires พุ่งสูงขึ้น 54% ทั่วโลกในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาอยู่ที่ 29,350 คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีนและสหรัฐอเมริกา มหาเศรษฐี Centimillionaires เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่มีความมั่งคั่ง ครอบครองเงินและสินทรัพย์มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป
Juerg Steffen ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Henley & Partners กล่าวว่า “สหรัฐฯ และจีน ได้เห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของมหาเศรษฐี Centimillionaires ซึ่งถือว่าทำผลงานได้ดีกว่าประเทศในยุโรปอย่างเห็นได้ชัด”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นในจีนนั้นน่าทึ่งเป็นอย่างมาก โดยการเพิ่มขึ้นของมหาเศรษฐีร้อยล้านนั้นสูงถึง 108% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแซงหน้าสหรัฐฯ ที่จำนวนมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นถึง 81% ในช่วงเวลาเดียวกัน
การเติบโตของจีนส่วนใหญ่นั้นขับเคลื่อนโดยการเกิดมหาเศรษฐีร้อยล้านด้านเทคโนโลยีและกลุ่มอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ โดยในปัจจุบันมีมหาเศรษฐีร้อยล้านอาศัยอยู่ในจีนมากถึง 2,350 คน
Andrew Amoils นักวิเคราะห์จาก New World Wealth ตั้งข้อสังเกตว่า มหาเศรษฐีจีนส่วนใหญ่เกิดขึ้นระหว่างปี 2013-2020 แต่นับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา จำนวนคนรวยสุดๆ เพิ่มขึ้นเพียง 10% เท่านั้น คาดว่ามาจากการที่เศรษฐกิจจีนชะงักงัน เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหา อัตราการว่างงานที่ไม่แน่นอน และการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนแอ
อย่างไรก็ตาม Henley & Partners มองว่าเมืองต่างๆ เช่น หางโจว และเซินเจิ้น ยังคงมีศักยภาพในฐานะศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีที่กำลังเติบโต และอยู่ในรายชื่อเมืองที่จำนวนประชากร Centimillionaires มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นกว่า 150% ภายในปี 2040
การขยายตัวทางเศรษฐกิจในสองเมืองนี้แซงหน้าการเติบโตของจีนซึ่งอยู่ที่ 5% โดยหางโจวเติบโตมากถึง 6.9%YoY ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ในขณะเดียวกันเซินเจิ้นเติบโต 5.9% ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยได้รับแรงหนุนจากภาคอุตสาหกรรม Amoils ยังคงคาดว่าจำนวนมหาเศรษฐีระดับร้อยล้านในจีนจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งระหว่าง 80-100% ในปีนี้จนถึงปี 2040
รายงานยังระบุอีกว่า เมืองต่างๆ ในเอเชียและตะวันออกกลางมีแนวโน้มจะมีประชากรร่ำรวยเพิ่มขึ้นถึง 150% เช่น ไทเป ดูไบ อาบูดาบี และเบงคลูรูของอินเดีย ในทางกลับกัน ซูริก ชิคาโก มอสโก และมาดริด คาดว่าจะมีการเติบโตของความมั่งคั่งในระดับมหาเศรษฐีที่ชะลอตัวลงเหลือต่ำกว่า 50% ในระหว่างนี้จนถึงปี 2040
การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ช้าของประเทศสำคัญๆ เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร ทำให้จำนวนมหาเศรษฐีไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก ขณะที่ประเทศที่มีตลาดขนาดเล็ก เช่น โมนาโก มอลตา มอนเตเนโกร และโปแลนด์ กลับมีประชากรมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเพิ่มขึ้น 75% หรือมากกว่านั้น
สหรัฐฯ ยังคงเป็นศูนย์กลางความมั่งคั่งอันดับต้นๆ นำโดยนิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส และซานฟรานซิสโก อย่างไรก็ตาม การครองอำนาจอย่างต่อเนื่องของสหรัฐฯ อาจขึ้นอยู่กับว่าใครจะชนะการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ซึ่งคาดว่านโยบายทางการคลัง การเงิน เศรษฐกิจ และสังคม จะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก
อ้างอิง: