ธนาคารจีน อาจเผชิญขาดทุนหนักถึง 3.5 แสนล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 12.6 ล้านล้านบาท ในกรณีเลวร้ายสุดจากวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน เป็นผลจากความเชื่อมั่นที่หดหายไป ขณะที่หน่วยงานกำกับยังคงไม่สามารถยับยั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นได้
วิกฤตที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากโครงการอสังหาที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ซื้อบ้านหลายแสนราย จนลุกลามไปสู่การแห่ไม่จ่ายค่าผ่อนบ้านไปตามๆ กันในกว่า 90 เมืองทั่วประเทศ และคำถามสำคัญที่ตามมาคือ วิกฤตที่เกิดขึ้นมีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อระบบการเงินมูลค่า 56 ล้านล้านดอลลาร์ มากน้อยเพียงใด
ในกรณีเลวร้ายสุด S&P Global Ratings คาดการณ์ว่า สินเชื่อบ้านมูลค่า 2.4 ล้านล้านหยวน หรือราว 3.56 แสนล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 6.4% ของสินเชื่อบ้านทั้งหมด มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นหนี้เสีย ขณะที่ Deutsche Bank AG ออกมาเตือนว่า สินเชื่อบ้านอย่างน้อย 7% อยู่บนความเสี่ยง ล่าสุดธนาคารพาณิชย์ต่างๆ รายงานออกมาว่า มีสินเชื่อบ้านที่มีความเสี่ยงจากการที่ผู้กู้แห่ไม่จ่ายค่าผ่อน คิดเป็นมูลค่าราว 2.1 พันล้านหยวน
จือหวู่เฉิน ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาการเงิน University of Hong Kong Business School กล่าวว่า “ธนาคารพาณิชย์อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก หากพวกเขาไม่ช่วยบริษัทอสังหาให้สร้างโครงการได้สำเร็จ พวกเขาอาจต้องเสียหายหนักขึ้นในท้ายที่สุด แต่หากพวกเขาช่วยก็อาจทำให้รัฐบาลพึงพอใจ แต่เท่ากับว่าพวกเขาก็จะปล่อยกู้ให้กับโครงการที่สร้างเสร็จล่าช้ามากขึ้นไปอีก”
ทั้งนี้ Bloomberg รายงานว่า วิกฤตอสังหาครั้งนี้อาจทำให้เสถียรภาพทางการเงินของจีนย่ำแย่ลงไปอีกจาก 5 ปัจจัย ได้แก่
- ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 มีมูลค่าสินเชื่อภาคอสังหาคิดเป็นมูลค่า 39 ล้านล้านหยวน โดยที่ 13 ล้านล้านหยวนเป็นส่วนที่ปล่อยให้กับบริษัทผู้พัฒนา ทั้งนี้ สินเชื่อภาคอสังหาถือเป็นส่วนสำคัญของการปล่อยสินเชื่อในจีน โดยธนาคารขนาดใหญ่อย่าง Postal Savings Bank of China Co. และ China Construction Bank Corp. มีสินเชื่อจำนองบ้านถึง 34% ณ สิ้นปี 2564 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 32.5%
- หากการผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้นก็อาจกระทบต่อสินเชื่อจำนองบ้านราว 7% และเพื่อจำกัดความเสียหาย ธนาคารจีนขนาดใหญ่ 10 แห่ง อาจต้องตั้งสำรองคิดเป็นมูลค่ารวม 4.8 ล้านล้านหยวน
- หนี้เสียของธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก หลังพุ่งขึ้นแตะ 2.9 ล้านล้านหยวน ณ สิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่คาดการณ์หนี้สินต่อ GDP ของจีน มีแนวโน้มจะสูงขึ้นอีกในปีนี้ จากก่อนหน้านี้ที่ราว 270% และด้วยการเติบโตของรายได้ที่ชะลอลงอาจกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ซื้อบ้าน และเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาราคาบ้าน 48 จาก 70 เมืองหลักของจีนปรับตัวลดลง
- S&P Global คาดการณ์ว่า ยอดขายบ้านน่าจะลดลง 33% ในปีนี้ ส่งผลให้ผู้พัฒนาอสังหาอาจเผชิญความเสี่ยงสภาพคล่องและผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น โดยกลุ่มผู้พัฒนาอสังหารายใหญ่ 100 อันดับแรก (อิงจากยอดขาย) มีการผิดนัดชำระหนี้หรือตัดสินใจขอยืดเวลาชำระหนี้ออกไป นอกจากนี้การลงทุนภาคอสังหา ซึ่งคิดเป็น 20% ของ GDP ปรับตัวลดลง 9.4% ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
- การปรับตัวลง 10% ของการลงทุนภาคอสังหา ส่งผลให้หนี้เสียของธนาคารพาณิชย์พุ่งขึ้น 0.28% และมีแนวโน้มจะทำให้กำไรของธนาคารลดลง 17% ในปีนี้ ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารในจีนภายใต้ดัชนี Hang Seng ลดลง 12% ในเดือนนี้
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP