ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาต่อเนื่องไปจนถึงปลายสัปดาห์หน้า จีนมีการจัดประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) และสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติ (CPPCC) ครั้งที่ 13 สมัยที่ 2 หรือรวมเรียกสั้นๆ ว่าการประชุมสองสภา (Two Sessions / 全国两会) ซึ่งจัดขึ้นคู่ขนาน และถือเป็นหนึ่งในอีเวนต์ที่สำคัญที่สุดในปฏิทินการเมืองของจีน เพราะมีการรายงานและประเมินผลงานของรัฐบาลในรอบปีที่ผ่านมา รวมถึงจัดทำแผนยุทธศาสตร์ แถลงทิศทางนโยบายในด้านต่างๆ ตลอดจนกำหนดเป้าหมายทางเศรษฐกิจและสังคมของจีนตลอดทั้งปีนี้
เชื่อว่าคนไทยหลายๆ คนอาจสงสัยว่า จีนที่ปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์มีสภาผู้แทนราษฎรด้วยหรือ แล้วสมาชิกสภามาจากไหน ทำหน้าที่อะไร หาคำตอบได้จากบทความนี้
สภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) คืออะไร
สภาประชาชนแห่งชาติจีน หรือชื่อเต็มว่า ‘สภาผู้แทนประชาชนแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน’ (中华人民共和国全国人民代表大会) เป็นกลไกนิติบัญญัติสูงสุดของรัฐ แต่ที่ผ่านมาถูกต่างชาติปรามาสว่าเป็นเพียงสภาตรายางที่คอยประทับตราอนุมัตินโยบายหรือกฎหมายต่างๆ ที่ผลักดันโดยรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์โดยไม่มีข้อโต้แย้งหรือการโหวตคัดค้านแต่อย่างใด
แต่ในทางเทคนิคแล้ว สภาแห่งนี้ถือเป็นองค์กรรัฐที่มีอำนาจสูงสุดตามรัฐธรรมนูญของจีน ประกอบด้วยผู้แทนประชาชนจากทั่วประเทศประมาณ 3,000 คน ซึ่งจะเดินทางมาประชุมที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่งเป็นประจำทุกปี เพื่อให้สัตยาบันหรือโหวตรับรองนโยบาย กฎหมาย งบประมาณ รวมถึงการโยกย้ายหรือเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล
โดยในปีที่ประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีกำลังจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งนั้น สมาชิก NPC จะโหวตเลือกประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีคนใหม่ด้วย ซึ่งในสายตาคนนอกถือเป็นการสร้างความชอบธรรมในตำแหน่งผู้นำเท่านั้น เพราะผู้นำถูกวางตัวโดยพรรคคอมมิวนิสต์ไว้ก่อนแล้ว
สำหรับการเลือกสมาชิกสภา NPC จะเริ่มมาจากการที่ประชาชนในระดับท้องถิ่นและหมู่บัานเลือกสมาชิกสภาหมู่บ้านหรือสภาท้องถิ่น จากนั้นผู้แทนเหล่านี้จะเลือกสมาชิกสภาระดับมณฑล ซึ่งประกอบด้วย 23 มณฑล, 5 เขตปกครองตนเอง, 4 เขตเทศบาลนคร และเขตปกครองพิเศษฮ่องกงและมาเก๊า ซึ่งจะทำหน้าที่เลือกผู้แทนประมาณ 3,000 คนเข้าสู่สภา NPC โดยที่กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) จะเลือกสมาชิกเองบางส่วนด้วย
ผู้แทน NPC ส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ โดยแต่ละคนจะมีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี จากนั้นจะมีการเลือกใหม่
ใน NPC ยังมีคณะกรรมาธิการถาวรประจำสภา ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกกว่า 170 คนที่จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนสภานิติบัญญัติ และผ่านกฎหมายสำคัญๆ
ปัจจุบันสภา NPC มีสมาชิกจำนวน 2,975 คน ซึ่งเกือบทั้งหมดได้รับเลือกในปี 2018 โดยในปีที่ผ่านมามีสมาชิก 6 คนถูกขับออกจากสภาด้วยข้อหาคอร์รัปชัน นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตในระหว่างดำรงตำแหน่ง 3 คน และมีการเลือกสมาชิกเข้ามาใหม่อีก 4 คน
สภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติ (CPPCC) คืออะไร
เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา โดยสมาชิก CPPCC จะเป็นตัวแทนผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขาวิชาชีพที่จะให้คำปรึกษาแก่พรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลในด้านเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม และสังคม
ความพิเศษของสภาแห่งนี้คือมีบุคคลมีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจ กีฬา และบันเทิง เป็นสมาชิกอยู่ด้วย เช่น เหยาหมิง อดีตนักบาสเกตบอลชื่อดังของทีมฮิวสตัน ร็อกเก็ตส์ ในศึก NBA ของสหรัฐฯ และแจ็คกี้ ชาน หรือเฉินหลง นักแสดงชื่อดังของฮอลลีวูด
ปัจจุบันสภา CPPCC มีสมาชิกจำนวน 2,150 คน ซึ่งทุกคนไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์
การประชุมปีนี้สำคัญอย่างไร
โดยปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีของจีนจะขึ้นกล่าวรายงานผลงานของรัฐบาลในรอบปีที่ผ่านมาต่อสมาชิกสภา NPC ในวันแรกของการประชุม ก่อนจะมีการแถลงข่าวในวันสุดท้าย ซึ่งมักถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากนักข่าวต่างชาติ เพราะจะมีการตอบคำถามในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับนโยบายการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ต่างประเทศ และการทหารของจีน
สิ่งที่ทั่วโลกเฝ้าดูคือการประกาศตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีนี้ รวมถึงเป้าหมายตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ที่เป็นตัวชี้วัดสุขภาพทางเศรษฐกิจของจีน เช่น การบริโภคภายในประเทศ ตัวเลขว่างงาน และการขาดดุลงบประมาณ
นอกจากการรายงานของหลี่เค่อเฉียงที่เป็นไฮไลต์สำคัญแล้ว บรรดารัฐมนตรีจากกระทรวงต่างๆ จะตอบคำถามเกี่ยวกับนโยบายทั้งในและต่างประเทศในระหว่างการประชุมสองสภานี้ด้วย ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ขณะที่นักข่าวจะมีโอกาสยิงคำถามกับเจ้าหน้าที่รัฐโดยตรง เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับรู้นโยบายของรัฐบาลมากขึ้น
คาดกันว่า ที่ประชุมสภา NPC ครั้งนี้จะมีการลงมติรับรองกฎหมายการลงทุนของต่างชาติ ซึ่งผลักดันโดยรัฐบาลด้วยเจตจำนงที่จะคุ้มครองสิทธิการลงทุนของชาวต่างชาติในจีนให้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีบทบัญญัติห้ามรัฐบาลท้องถิ่นไม่ให้บังคับบริษัทต่างชาติถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับบริษัทท้องถิ่น เพื่อแลกกับการเปิดช่องทางเข้าสู่ตลาดจีน โดยกฎหมายฉบับดังกล่าวจะช่วยลดความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนในเวทีการค้าและการลงทุน
ตัวเลขสำคัญที่น่าจับตา
เป็นไปตามความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ เมื่อหลี่เค่อเฉียงประกาศในวันแรกของการประชุมว่า จีนได้หั่นเป้าหมายการขยายตัวของ GDP เหลือโต 6.0-6.5% ในปี 2019 สืบเนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ตลอดจนปัญหาหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงลิ่ว
ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของสถาบันการเงินชั้นนำของโลกอย่าง UBS และ Morgan Stanley ซึ่งคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวที่ประมาณ 6% สืบเนื่องจากแรงกดดันในทิศทางขาลงต่อเศรษฐกิจมีเพิ่มขึ้น
ส่วนงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 6.5% จากปี 2018 เป็น 23 ล้านล้านหยวน (3.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ)
ขณะเดียวกันจีนตั้งเป้าสร้างงานใหม่ในเมืองเพิ่มขึ้น 11 ล้านตำแหน่ง ลดลงจากตัวเลข 13.6 ล้านตำแหน่งที่จีนสร้างขึ้นในปี 2018 ขณะที่อัตราว่างงานในเมืองกำหนดไว้ที่ประมาณ 5.5% ในปีนี้ สูงกว่าตัวเลข 5.1% ในปีที่แล้วเล็กน้อย
ส่วนเป้าหมายเงินเฟ้อนั้น จีนจะรักษาอัตราเงินเฟ้อให้เคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่า 3% ในปี 2019 ซึ่งเป็นเป้าหมายเดียวกับของปีที่แล้ว
สำหรับงบประมาณกลาโหมประจำปีที่จีนประกาศในที่ประชุมครั้งนี้ด้วยนั้น จะอยู่ที่ระดับ 1.19 ล้านล้านหยวน (1.776 แสนล้านเหรียญสหรัฐ) หรือเพิ่มขึ้น 7.5% จากปีที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าเป้า 8.1% ในปี 2018 และเป็นอัตราการขยายตัวที่ถดถอยลงสู่ตัวเลขหลักหน่วยเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน หลังจากที่จีนเคยเพิ่มงบประมาณกลาโหมในอัตราเลขสองหลักเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน ระหว่างปี 2011-2015 โดยเป้าหมายใหญ่ของจีนในปีนี้คือการพัฒนายุทโธปกรณ์ให้ทันสมัย เพื่อยกระดับการเป็นกองทัพระดับโลก
หลี่เค่อเฉียง กล่าวต่อที่ประชุม NPC ว่า การเพิ่มงบประมาณกลาโหมของจีนมีความสมเหตุสมผลและเหมาะสม ในขณะที่จีนมีเป้าหมายเร่งพัฒนานวัตกรรมในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศ
นอกจากนี้จีนยังตั้งเป้าเดินหน้าขจัดความยากจน แก้ปัญหาสังคม และกวาดล้างคอร์รัปชันให้หมดไป
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชาติตะวันตกให้ความสนใจเป็นพิเศษคือการแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชน และเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองมากขึ้น ซึ่งต้องติดตามดูต่อว่า การประชุมสองสภาที่จัดขึ้นตลอด 2 สัปดาห์นี้จะเปิดโอกาสให้ผู้แทนประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและทิศทางการพัฒนาประเทศมากน้อยแค่ไหน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: