สำนักงานบริหารการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแห่งชาติจีน หรือ State Administration of Foreign Exchange (SAFE) เปิดเผยว่า ปริมาณทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนในเดือนมีนาคมปรับตัวลดลง กระนั้นปริมาณกระแสเงินที่ไหลเวียนข้ามพรมแดนยังอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผลและสมดุล ขณะที่ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศยังคงมีเสถียรภาพดีอยู่
รายงานระบุว่า สัดส่วนการถือครองเงินตราต่างประเทศของจีนในเดือนมีนาคมอยู่ในระดับมากกว่า 3.18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 25,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.8% จากเดือนกุมภาพันธ์ก่อนหน้า
หวังชุนอิง รองหัวหน้าสำนักงาน SAFE ให้เหตุผลของการลดลงที่เกิดขึ้นว่า เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของดัชนีดอลลาร์สหรัฐ บวกกับการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ทางการเงินทั่วโลกที่ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ความคาดหวังที่มีต่อนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจชั้นนำหลักๆ ของโลก และสถานการณ์การระบาดของโควิด
วันเดียวกัน เว็บไซต์ข่าว Global Times ของทางการจีน รายงานความคืบหน้าของการเดินหน้าผลักดันให้เมืองเซินเจิ้นกลายเป็นศูนย์กลางทางเทคโนโลยีของจีน ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีทางการเงิน หรือฟินเทค ที่ทางเซินเจิ้นเพิ่งจะเสร็จสิ้นการทดสอบแอปพลิเคชันฟินเทคใหม่ๆ จำนวนหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจของรัฐบาลจีนที่เลือกเมืองเซินเจิ้น เพื่อผลักดันให้เป็นศูนย์กลางทางด้านตลาดการเงินที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย
จูเหวินบิน สมาชิกคณะผู้ตรวจสอบของคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีน สาขาเซินเจิ้น กล่าวว่า การทดลองล่าสุดนี้มุ่งเป้าไปที่สถาบันการเงินหลักของเมืองเซินเจิ้น เช่น ตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น สถาบันหลักทรัพย์และตลาดฟิวเจอร์ หรือตลาดตราสารทุนระดับภูมิภาค ว่าจะสามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศยุคใหม่ เช่น คลาวด์คอมพิวติ้งและบิ๊กดาต้า มาส่งเสริมตลาดทุนได้อย่างไร
ทั้งนี้ ความพยายามของเซินเจิ้นในการเลือกโครงการทดลองนวัตกรรมฟินเทคเกิดขึ้นหลังจากหน่วยงานท้องถิ่นได้ออกเอกสาร เพื่อสนับสนุนการพัฒนาฟินเทคของเมืองผ่านมาตรการเฉพาะมากกว่า 30 มาตรการ ยกตัวอย่างเช่น การกำหนดจะให้โบนัสมากถึง 20 ล้านหยวนแก่สถาบันไฮเทคอย่างศูนย์ข้อมูลและศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ ที่ตั้งรกรากอยู่ในเซินเจิ้น เพื่อสนับสนุนการพัฒนาคลัสเตอร์ของบริษัทฟินเทคในเซินเจิ้น
อ้างอิง: