เวลานี้จีนกำลังเผชิญกับฝนที่ถล่มลงมาอย่างหนัก ส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูกธัญพืชทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเจอกับน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งสร้างความวิตกกังวลว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะผลักดันให้เกิดวิกฤตความมั่นคงทางอาหารในประเทศ
จีนเจอฝนที่ถล่มลงมาอย่างหนักตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จากอิทธิพลของไต้ฝุ่นทกซูรีที่พัดผ่านประเทศก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ประชาชนกว่า 1 ล้านคนต้องอพยพย้ายถิ่นฐาน ขณะที่มีผู้เสียชีวิตในเขตชานเมืองของกรุงปักกิ่งและมณฑลเหอเป่ยแล้วอย่างน้อย 30 คนด้วยกัน ขณะเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (6 สิงหาคม) มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 14 คนในมณฑลจี๋หลิน
ในมณฑลเฮยหลงเจียง น้ำในแม่น้ำสายสำคัญที่เป็นแหล่งทรัพยากรหลักสำหรับทำการเกษตรได้เอ่อล้นตลิ่งและไหลเข้าท่วมพื้นที่เพาะปลูกของประชาชน นาข้าวจมอยู่ใต้น้ำ โรงเรือนสำหรับปลูกผักพังเสียหาย ขณะที่โรงงานหลายแห่งก็ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วม ขณะที่เจ้าหน้าที่ของมณฑลเฮยหลงเจียงกล่าวเตือนด้วยว่า ในเวลานี้มีแม่น้ำ 25 สายของมณฑลที่มีระดับน้ำอยู่ในขีดอันตรายและเสี่ยงที่จะล้นตลิ่ง
ส่วนในเมืองฮาร์บิน ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลเฮยหลงเจียง ทางการได้สั่งอพยพประชาชนมากกว่า 162,000 คน ขณะเหตุน้ำท่วมทำให้พื้นที่เพาะปลูกพืชผลกว่า 90,000 เฮกตาร์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ส่วนในเขตซางจือ (Shangzhi) พืชผลกว่า 42,575 เฮกตาร์ถูกทำลายเสียหาย
ด้านเมืองอู่ชาง (Wuchang) นั้นมีหมู่บ้านหลายแห่งรวมถึงพื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่ได้รับความเสียหาย โดยเมืองแห่งนี้ถือเป็นแหล่งผลิตข้าวสำคัญประจำมณฑลเฮยหลงเจียง ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงอยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าความเสียหายในภาพรวม
ด้วยสถานการณ์ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ทำให้โลกจับตาว่าเหตุน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรครั้งรุนแรงนี้จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศที่มีเขตเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกหรือไม่ ท่ามกลางช่วงเวลาที่จีนเผชิญกับเหตุสภาพอากาศสุดขั้วอันเป็นผลพวงจากภาวะโลกรวนมาหลายครั้งหลายครา จนก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อภาคการเกษตรและคลังอาหารของประเทศ
ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า 3 มณฑลทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน อันได้แก่ มณฑลเฮยหลงเจียง มณฑลจี๋หลิน และมณฑลเหลียวหนิง ผลิตธัญพืชรวมกันคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนทั้งหมดของประเทศ โดยมีพืชผลหลักคือถั่วเหลือง ข้าวโพด และข้าว ขณะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและกิจการชนบทของจีนกล่าวเตือนว่า ฝนที่ตกหนักจากอิทธิพลของไต้ฝุ่นขนุนและไต้ฝุ่นทกซูรีคาดว่าจะก่อให้เกิด ‘ผลกระทบรุนแรง’ ต่อผลผลิตทางการเกษตรของจีน
ขณะเดียวกัน สำนักข่าว Reuters ยังรายงานด้วยว่า ยอดความเสียหายทางเศรษฐกิจอันเป็นผลพวงจากภัยธรรมชาติในจีนประจำเดือนกรกฎาคมนั้นพุ่งสูงถึง 4.118 หมื่นล้านหยวน (5.74 พันล้านดอลลาร์) หรือมากกว่ายอดของเดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน 6 เดือนรวมกัน หลังจากที่จีนเจอพายุ 2 ลูกพัดถล่มในเดือนเดียว
แฟ้มภาพ: CFOTO / Future Publishing via Getty Images
อ้างอิง: