สกุลเงินหยวนของจีน (เหรินหมินปี้) อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี หรือนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในปี 2008 ท่ามกลางกระแสวิตกของนักลงทุนว่าเงินหยวนอาจมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีก ด้วยแรงกดดันจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ได้แก่ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด), การส่งสัญญาณชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และสงครามการค้าที่มีทีท่ายืดเยื้อ
เงินหยวนอ่อนค่าลงต่ำกว่าระดับ 6.97 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราเอเชียเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2008 และเมื่อเทียบกับต้นปีจะพบว่า เงินหยวนอ่อนค่าลงไปแล้วกว่า 9% เมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์สหรัฐ
เควิน ไล นักเศรษฐศาสตร์แห่งธนาคารเพื่อการลงทุน Daiwa Capital Markets ในฮ่องกงให้ความเห็นกับ CNN ว่า นักลงทุนจะรู้สึกว่าหลุดออกจาก Comfort Zone หากเงินหยวนอ่อนค่าทะลุแนวต้าน 7 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์ ซึ่งจะเห็นว่า นักลงทุนจำนวนมากเริ่มแห่เทขายเงินหยวนจากแรงกดดันดังกล่าวแล้ว
การร่วงลงของเงินหยวนอาจสร้างความปั่นป่วนในระบบเศรษฐกิจและตลาดเงินของจีนเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2015 และ 2016 ซึ่งครั้งนั้นได้เกิดกระแสโจมตีค่าเงินหยวน เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าเงินหยวนจะอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รัฐบาลจีนต้องทุ่มเม็ดเงินหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อพยุงค่าเงินหยวนในเวลานั้น
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัย Capital Economics มองว่า เวลานี้รัฐบาลจีนอาจไม่วิตกเรื่องการไหลออกของเงินทุนมากเท่ากับเรื่องที่เงินหยวนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์ระบุว่า ท่ามกลางความตึงเครียดของสงครามการค้าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ จีนอาจพยายามหลีกเลี่ยงการยั่วยุสหรัฐฯ เพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรก่อนหน้าการประชุมระหว่างประธานาธิบดีสีจิ้นผิงกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บนเวทีซัมมิต G20 ที่ประเทศอาร์เจนตินาในเดือนหน้า
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: