สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า การขาดดุลทางการคลังของจีนพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วง 9 เดือนแรกของปี เหตุการระบาดของโควิด ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก บวกกับปัญหาสภาพคล่องในตลาดที่อยู่อาศัย ส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล
ทั้งนี้ Bloomberg ได้นำข้อมูลของกระทรวงการคลังจีนที่เปิดเผยเมื่อวานนี้ (25 ตุลาคม) มาคำนวณจนพบว่า การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลทุกระดับในแดนมังกรอยู่ที่ 7.16 ล้านล้านหยวน (หรือราว 9.8 แสนล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนมกราคม-กันยายนในปีที่แล้วเกือบสามเท่า โดยการขาดดุลงบประมาณของจีนในครั้งนั้นอยู่ที่ 2.6 ล้านล้านหยวน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- สรุป 5 ประเด็นเศรษฐกิจสำคัญ จากสุนทรพจน์ ‘สีจิ้นผิง’ เปิดประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน
- จริงหรือที่ ‘อินเดีย’ กำลังจะเป็นโรงงานของโลกแห่งใหม่ต่อจากจีน? ถึงขั้นที่การผลิต 1 ใน 4 ของ ‘iPhone’ จะย้ายมาที่นี่ภายในปี 2025
- บริษัทเทคฯ ชั้นนำระดับโลกมุ่งลงทุนในเวียดนาม หลังจีนไร้วี่แววคลายนโยบาย Zero-COVID
รายงานระบุว่า ทางการจีนในเวลานี้กำลังตกที่นั่งลำบากในการดิ้นรนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการจัดเก็บรายได้เข้าคลังในปีนี้ ซึ่งนอกจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวลงจนกระทบต่อปริมาณความต้องการสินค้าของจีนในตลาดต่างประเทศแล้ว ยังเป็นผลสืบเนื่องมาจากนโยบายช่วยเหลือต่างๆ ที่รัฐนำมาใช้ ตั้งแต่การลดหย่อนภาษี และปัญหาภายในอย่างวิกฤตในตลาดอสังหาริมทรัพย์ บวกกับการล็อกดาวน์ในเมืองใหญ่ซ้ำๆ เพื่อจำกัดและกำจัดการระบาดของโควิด
สถานการณ์ทั้งหมดไม่เพียงตัดรายได้ของรัฐบาลจีนให้หายไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังทำให้ทางการจีนต้องควักเงินออกมาใช้จ่ายมากขึ้นในการควบคุมดูแลผู้คน ยังไม่นับรวมค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มากขึ้น เพื่อหวังกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
แม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะสามารถฟื้นตัวแตะ 3.9% ในไตรมาสที่ 3 ของปี โดยได้รับแรงหนุนจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น แม้ว่ายอดค้าปลีกจะลดลงและการว่างงานเพิ่มขึ้น แต่การเติบโตในช่วง 2 ไตรมาสก่อนหน้าก็ค่อนข้างซบเซา หลังจากการล็อกดาวน์ของเซี่ยงไฮ้และเมืองอื่นๆ เมื่อต้นปี ส่งผลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ด้านกิจกรรมในภาคบริการซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจจีน หดตัวเมื่อเดือนที่แล้วเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เนื่องจากเมืองใหญ่ๆ รวมถึงเฉิงตูต้องเผชิญกับมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ผู้บริโภคต้องอยู่บ้าน ห้ามเดินทาง และร้านค้าร้านอาหารต่างๆ โดนสั่งปิด
ทางกระทรวงการคลังของจีนระบุว่า รายได้รวมจากงบประมาณสาธารณะและกองทุนของรัฐบาลจีนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 19.9 ล้านล้านหยวน ขณะที่รายรับของประชาชนทั่วไปลดลง 6.6% จากปีก่อนหน้า โดยชะลอตัวจากที่ลดลง 8% ในช่วง 8 เดือนแรก ซึ่งตัวเลขรายได้ของประชาชนทั่วไปจะปรับเพิ่มขึ้น 4.1% หากเข้าข่ายเงื่อนไขลดหย่อนภาษีที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้
ทั้งนี้ สารพัดมาตรการลดหย่อนภาษีส่วนใหญ่หมดไปตั้งแต่ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้รัฐบาลจีนสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
เฉพาะเดือนกันยายนเพียงเดือนเดียว รายได้ของรัฐบาลจีนเพิ่มขึ้นถึง 8.4% จากปีก่อนหน้า คิดเป็นมูลค่า 1.5 ล้านล้านหยวน กระนั้น เนื่องจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ทำให้รายได้การขายที่ดินลดลง 28.3% มาอยู่ที่ 3.85 ล้านล้านหยวน เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้กับปีก่อนหน้า
สถานการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเวลานี้ก็คือ บรรดาผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ค่อยเต็มใจที่จะซื้อที่ดิน เนื่องจากต้องเผชิญกับวิกฤตสภาพคล่องอย่างต่อเนื่อง และปัจจัยดังกล่าวได้ผลักดันให้รัฐบาลท้องถิ่นบางแห่งต้องขายที่ดินให้กับรัฐวิสาหกิจเพื่อพยายามสร้างรายได้บางส่วนในทันที
แนวปฏิบัติดังกล่าวกระตุ้นให้กระทรวงการคลังออกแถลงการณ์เมื่อต้นเดือนนี้ โดยห้ามไม่ให้รัฐบาลท้องถิ่นซื้อที่ดินด้วยเงินที่ยืมมา หรือ ‘เพิ่ม’ รายได้จากการขายที่ดินผ่านการซื้อโดยรัฐวิสาหกิจ
ด้านการใช้จ่ายของรัฐบาลจีนในช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 27.1 ล้านล้านหยวน ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายสาธารณะ 19 ล้านล้านหยวน ที่ครอบคลุมการศึกษา การดูแลสุขภาพ การป้องกันประเทศ และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่รายจ่ายภายใต้งบประมาณกองทุนของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 12.5% ลดลงจากที่พุ่งขึ้น 23.4% ในช่วง 8 เดือนแรก
Luo Zhiheng นักเศรษฐศาสตร์ของ Yuekai Securities Co. ออกมาคาดการณ์เมื่อไม่นานมานี้ว่า จีนยังจำเป็นต้องเพิ่มการขาดดุล โดยครอบคลุมเฉพาะงบประมาณสาธารณะเท่านั้น ให้มากกว่า 3% ของ GDP ในปีหน้า ซึ่งรัฐบาลจีนกำหนดเป้าหมายการขาดดุลในปีนี้ที่ประมาณ 2.8% ของ GDP
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์รายนี้มองว่าการขาดดุลที่เพิ่มขึ้นจะต้องได้รับการชดเชย เพื่อจัดการกับความเครียดทางการเงินที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงขึ้น ส่วนหนึ่งเนื่องจากปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์
สำหรับประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจในรายงานของกระทรวงการคลังจีนฉบับล่าสุดนี้ ยังรวมถึงรายได้จากภาษีโฉนดที่ดิน ซึ่งต้องชำระเมื่อมีการซื้อขายสินทรัพย์ระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน ลดลง 27.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้ภาษีจากการซื้อรถยนต์ใหม่ลดลง 30.9% ในช่วงเวลาดังกล่าว เนื่องจากนโยบายลดการจัดเก็บภาษีรถยนต์ใหม่ยังมีผลบังคับใช้อยู่
อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บรายได้จากภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น 2.1% และบุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้น 9.1% ส่วนรายจ่ายโอนสิทธิการใช้ที่ดินของรัฐ ซึ่งส่วนหนึ่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ลดลง 15.2% เหลือ 4.4 ล้านล้านหยวน
อ้างอิง: