ท่ามกลางกระแสการโหมข่าว ‘Dedollarization’ หรือ การเสื่อมค่าของดอลลาร์สหรัฐ ในฐานะสกุลเงินหลักของโลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า ในอนาคต อิทธิพลของดอลลาร์ในระบบการเงินอาจจะล่มสลาย แล้วถูกแทนที่ด้วยสกุลเงินอื่นแทน โดย ‘หยวน’ ได้ถูกจับตามอง ในฐานะสกุลเงินหลัก ที่มีโอกาสมาแทนที่ดอลลาร์ เนื่องจากมีบทบาทในการทำธุรกรรมการค้า การลงทุนระหว่างประเทศมากขึ้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
คำถามคือ ทฤษฎีดอลลาร์ล่มสลาย หยวนขึ้นมาเป็นสกุลเงินหลักนั้น มีโอกาสเกิดจริงแค่ไหน หรือแค่เป็นการหยิบข้อมูลความผันผวนระยะสั้นของดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายสุดโต่งทั้งด้านตลาดทุน และตลาดเงินของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กันแน่
ข้อมูลล่าสุดของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) พบว่า ในปี 2568 หยวน กลายเป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก โดยมีสัดส่วน 8.5% ของธุรกรรมสกุลเงินทั่วโลก เพิ่มขึ้นจาก 7.0% ในการสำรวจเมื่อปี 2565 ปัจจุบันปริมาณการซื้อขายทั่วโลกต่อวันพุ่งสูงถึง 817,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับ ‘ปอนด์สเตอร์ลิง’ ซึ่งอยู่ในอันดับ 4 โดยสัดส่วนในธุรกรรมสกุลเงิน ทั่วโลกลดลงเหลือ 10.2% จาก 12.9% ในปี 2565
ด้าน ‘ดอลลาร์สหรัฐ’ ยังคงครองแชมป์สกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 89.2% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 88.4% เมื่อปี 2565
แม้ในปีนี้ทั่วโลก จะมีความต้องการซื้อขายสกุลเงินหยวนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนมีโอกาสขึ้นมาแทนตำแหน่งเงินปอนด์สเตอร์ลิง แต่เมื่อเปรียบเทียบข้อมูล ธุรกรรมการชำระเงินทั่วโลกในระบบ SWIFT พบว่า ในเดือนสิงหาคม 2568 สกุลเงินหยวน มีสัดส่วนการใช้ชำระเงินลดลง เหลือ 2.9% จาก 4.7% ในปีก่อน
ชี้ให้เห็นว่า ความต้องการใช้สกุลเงินหยวนในฐานะสื่อกลาง การชำระเงิน ยังไม่เสถียรนัก ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐ ยังครองอันดับ 1 ในฐานะสกุลเงิน ที่ถูกใช้ชำระเงินมากที่สุดในโลก โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 47.94%
เปิดสัดส่วนสกุลเงินที่ใช้ซื้อขายมากสุด อันดับ 5 แรก ในปี 2568
- ดอลลาร์สหรัฐ 89.2% ของธุรกรรมทั่วโลก (88.4% ในปี 2565)
- ยูโร 28.9% ของธุรกรรมทั่วโลก (30.6% ในปี 2565)
- เยน 16.8% ของธุรกรรมทั่วโลก (16.7% ในปี 2565)
- ปอนด์ 10.2% ของธุรกรรมทั่วโลก (12.9% ในปี 2565)
- หยวน 8.5% ของธุรกรรมทั่วโลก (7% ในปี 2565)
ตลาดเกิดใหม่ ไพ่ลับหนุนจีน เป็นสกุลเงินหลักโลกการค้า
เมื่อถามถึงโอกาสและความเป็นไปได้ที่หยวนจะขึ้นมาเป็นสกุลเงินหลักแทนที่ดอลลาร์ในด้านการค้า เกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด (KResearch) ให้ความเห็นกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ในระยะสั้น-ระยะกลาง หยวนจะมีบทบาทมากขึ้น ในการทำธุรกรรมชำระเงินการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนได้เดินหน้าขยายอิทธิพลด้านการค้าการลงทุนกับประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging market) โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียน และตะวันออกกลาง ดังนั้นในอนาคต กลุ่มประเทศเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันบทบาทสกุลเงินหยวนในด้านการค้า
อย่างไรก็ตาม แม้เงินหยวนมีบทบาทมากขึ้นในด้านการค้า แต่ยังไม่สามารถขึ้นมาแทนที่เงินดอลลาร์ได้ โดยดอลลาร์ยังคงเป็นสกุลเงินอันดับ 1 ซึ่งเป็นสื่อกลางในการชำระเงิน แม้จะมีความกังวลต่อปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ
ประกอบกับจีนยังมีอุปสรรคด้านมาตรการควบคุมค่าเงิน โดยใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวแบบมีการจัดการ (Managed Float Exchange Rate Regime) โดยปล่อยให้ค่าเงินเคลื่อนไหวในกรอบที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) กำหนดไว้และเข้ามาแทรกแซงไม่ให้ค่าเงินผันผวนเกินไป
แม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนจะมีความพยายามผลักดันให้หยวนเป็นสกุลเงินสากล ด้วยการผ่อนคลายกฎระเบียบควบคุมการไหลเข้า-ออกของเงินทุน, เปิดกว้าง ตลาดปริวรรตเงินตรามากขึ้น
แต่การเปิดตลาดก็ยังเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่เปิดเสรีทั้งหมดในคราวเดียว เพราะเป้าหมายการเปิดตลาดของจีนมีเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการค้า การลงทุนมากขึ้น
เมื่อถามถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย หากเงินหยวนมีบทบาทมากขึ้น ในด้านการค้า การลงทุน เกวลิน อธิบายเพิ่มเติมว่า จะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการค้า ระหว่างสองประเทศ เหมือนกับที่ไทยทำการค้าด้วยสกุลเงินท้องถิ่น กับประเทศอาเซียน โดยผู้ประกอบการจะมีทางเลือกในการบริหาร ความเสี่ยงด้านค่าเงินเมื่อแปลงสกุล ต่างประเทศกลับมาเป็นบาท ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยนของธุรกิจ จากการพึ่งพาเงินดอลลาร์เพียงอย่างเดียว
ภาพ: Ikkiae001 / SHutterstock, liu yongqiang / Shutterstock
อ้างอิง: