โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประชุมไตรภาคีระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทยและกัมพูชา โดยระบุว่าในการแถลงข่าวประจำของกระทรวงการต่างประเทศจีนวานนี้ (30 ธันวาคม) ผู้สื่อข่าวสำนักข่าว Xinhua ได้มีคำถามว่า จีนประเมินการประชุมครั้งนี้อย่างไร และจีนจะดำเนินการอย่างไรต่อไปเพื่อส่งเสริมการนำข้อตกลงที่ได้จากการประชุมไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม?”
โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า ภายหลังการลงนามในข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชาเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม รัฐมนตรีต่างประเทศและเจ้าหน้าที่ทหารของจีน ไทยและกัมพูชาได้พบกันทันทีที่ริมทะเลสาบฝู่เซียน ในเมืองยู่ซี มณฑลยูนนาน ซึ่งทั้งสามฝ่ายได้หารือกันอย่างมีประโยชน์และสร้างสรรค์เกี่ยวกับการเสริมสร้างความมั่นคงของการหยุดยิงและการพลิกฟื้นความสัมพันธ์ ซึ่งได้บรรลุข้อตกลงที่สำคัญ
หลังการประชุม ทั้งสามฝ่ายได้ออกแถลงการณ์ร่วมโดยระบุถึง 5 ประเด็นสำคัญที่ไทยและกัมพูชาจะเพิ่มความเข้มข้นของการติดต่อสื่อสาร สร้างความเข้าใจ เสริมความมั่นคงของการหยุดยิงตามลำดับขั้น ฟื้นฟูการไปมาหาสู่กันระหว่างกัน สร้างความไว้วางใจทางการเมืองขึ้นใหม่ บรรลุการพลิกฟื้นความสัมพันธ์ และพิทักษ์สันติภาพในภูมิภาค
ขณะที่ไทยและกัมพูชาแสดงความขอบคุณต่อจีนสำหรับการสนับสนุนอย่างแข็งขันในการส่งเสริมการเจรจาระหว่างสองประเทศและชื่นชมบทบาทเชิงบวกของจีนในเรื่องนี้ โดยจีนสนับสนุนความพยายามในการไกล่เกลี่ยของอาเซียน และยืนยันว่าจะยังคงมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในการฟื้นฟูความไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างไทยและกัมพูชาผ่านแนวทางของเอเชียต่อไป
“จีนจะเป็นผู้ส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาเสมอ และยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือและการสนับสนุนที่จำเป็นทั้งหมด รวมถึงการเฝ้าระวังการหยุดยิง ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาจะกลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว” เขากล่าว
โดยการประชุมไตรภาคีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการประชุมระหว่างจีน ไทยและกัมพูชาที่เซี่ยงไฮ้ในเดือนกรกฎาคม และบรรลุข้อตกลงร่วมกันในเดือนสิงหาคม ที่เมืองอันหนิง ซึ่งโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า “แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงภาพลักษณ์ของจีนในฐานะประเทศใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ ที่สร้างประโยชน์โดยไม่ทำร้าย ลงมือทำจริงแต่ไม่แย่งชิง และเข้มแข็งแต่ไม่แสวงหาอำนาจครอบงำในการจัดการความขัดแย้ง” และ “จีนจะยังคงพยายามอย่างเต็มที่ในแบบของตนเองเพื่อรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค และส่งเสริมการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันในภูมิภาค”


