สงครามการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกปะทุขึ้นอีกครั้ง เมื่อสำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ออกหนังสืออย่างเป็นทางการให้เพิ่มพิกัดอัตราศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จากอัตรา 10% เป็น 25% โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันศุกร์ (10 พ.ค.) เป็นต้นไป ขณะที่จีนประกาศเตรียมตอบโต้ด้วยมาตรการทางการค้าเช่นเดียวกัน
การเจรจาเพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯ และจีนหยุดชะงักไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังสหรัฐฯ กล่าวหาว่าจีนพยายามแก้ไขข้อตกลงทั้งที่การเจรจาดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้าย และใกล้จะได้ข้อสรุป
สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ชี้แจงถึงการตัดสินใจขึ้นภาษีว่า “ในระหว่างการเจรจาครั้งล่าสุด จีนเป็นฝ่ายเลือกถอนตัวจากข้อตกลงที่ทำกันไว้ในการเจรจารอบก่อนๆ เมื่อไร้ความคืบหน้า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จึงสั่งการให้ผู้แทนการค้าเพิ่มพิกัดอัตราศุลกากรเป็นอัตรา 25%”
อัตราใหม่นี้เพิ่มขึ้นจากอัตรา 10% ที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากสินค้าส่งออกของจีนตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว และเดิมทีสหรัฐฯ มีแผนจะขึ้นภาษีเป็น 25% ในเดือนธันวาคม แต่หลังจากที่สหรัฐฯ และจีนสามารถตกลงรอมชอมกันได้ในตอนนั้น ทำให้สหรัฐฯ ชะลอการขึ้นภาษีไว้ก่อนจนกระทั่งปัจจุบัน
ด้านโฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุว่า ประชาชนอเมริกันและจีนไม่ต้องการให้สองประเทศมีปัญหาขัดแย้งทางการค้าเพิ่มขึ้น ฝ่ายจีนรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจดังกล่าว แต่หากสหรัฐฯ บังคับใช้มาตรการภาษี จีนก็พร้อมจะตอบโต้ด้วยมาตรการต่างๆ ที่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะถึงเส้นตายบังคับใช้มาตรการภาษีในวันศุกร์ คณะเจรจาของจีน ซึ่งมีกำหนดเดินทางถึงกรุงวอชิงตันในวันนี้ (9 พ.ค.) ยังมีเวลาที่จะเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อสะสางปัญหาที่ไม่ลงรอย
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (8 พ.ค.) ทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่า กำลังจับตาท่าทีของจีนในการเจรจารอบใหม่ โดยหวังว่าสองฝ่ายจะสามารถทำข้อตกลงกันได้ แต่เขาระบุว่า ถึงแม้ผลไม่เป็นเช่นนั้น เขาก็มีความสุขมากที่สหรัฐฯ จะเก็บเงินภาษีเข้าคลังมูลค่ากว่า 1 แสนล้านเหรียญต่อปี
ภาพ: Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: