วานนี้ (1 ธันวาคม) สำนักข่าว Reuters รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า จีนเตรียมประกาศผ่อนคลายมาตรการกักตัวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า รวมถึงจะลดการทดสอบเชื้อทั่วเมือง ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญ หลังจากที่กระแสความไม่พอใจของประชาชนปะทุขึ้นจากการใช้นโยบายสกัดโควิดที่เข้มงวด จนเกิดการประท้วงในหลายเมืองของจีนตั้งแต่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
แม้ขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะยังคงเฉียดระดับสูงสุด แต่การเปลี่ยนแปลงนโยบายมีขึ้น ขณะที่หลายเมืองได้ยกเลิกการใช้มาตรการล็อกดาวน์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และวานนี้ ซุนชุนหลาน (Sun Chunlan) รองนายกรัฐมนตรีของจีน กล่าวในการประชุมผู้เชี่ยวชาญโควิดด่านหน้าว่า ความสามารถของไวรัสในการก่อให้เกิดโรคนั้น ‘อ่อนแอลง’
แหล่งข่าวระบุว่า การผ่อนคลายมาตรการสกัดโควิดที่จีนเตรียมประกาศนั้น รวมถึงการลดการตรวจเชื้อขนานใหญ่ทั่วเมือง และการลดการทดสอบกรดนิวคลิอิกแบบปกติ รวมถึงจะอนุญาตให้ผู้ที่มีผลตรวจเชื้อเป็นบวก และผู้สัมผัสใกล้ชิดสามารถกักตัวที่บ้านได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งหากเกิดขึ้นจะถือเป็นความเคลื่อนไหวที่สำคัญ เนื่องจากก่อนหน้านี้จีนใช้มาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดมาก หลายชุมชนถูกล็อกดาวน์นานหลายสัปดาห์ แม้พบผู้ติดเชื้อโควิดแค่เพียงรายเดียว
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ประชาชนในหลายเมืองได้ออกมารวมตัวประท้วงต่อต้านนโยบายสกัดโควิดของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงขึ้นครองอำนาจในปี 2012 ขณะที่เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวมากสุดในรอบหลายสิบปี
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นของประเทศต่างๆ ทั่วโลกปิดปรับตัวลงในช่วงแรก หลังจากที่เกิดกระแสการประท้วงในนครเซี่ยงไฮ้ กรุงปักกิ่ง และเมืองอื่นๆ ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นอีกครั้งจากความหวังที่ว่า การประท้วงจะสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลต้องปรับกลยุทธ์ใหม่
อย่างไรก็ตาม การที่จีนทยอยผ่อนคลายมาตรการโควิดในช่วงที่ผ่านมานั้น ทำให้โลกมีความหวังเพิ่มมากขึ้นว่า จีนจะยอมเปิดประเทศอีกครั้งในปีหน้า เมื่อมีอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยเจ้าหน้าที่การแพทย์ได้กล่าวเตือนว่าโควิดอาจเป็นสาเหตุทำให้มีผู้เจ็บป่วยหรือเสียชีวิตได้ หากมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคก่อนที่อัตราการฉีดวัคซีนจะขยับขึ้นมาอยู่ในจุดที่น่าพอใจ
แฟ้มภาพ: Stringer/Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: