ตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงหนักต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยดัชนี Hang Seng ของฮ่องกง ปิดตลาดลดลง 4.42% ขณะที่ดัชนี China A50 ลดลง 3.97% ขณะที่ดัชนี CSI 300 ร่วงไปเกือบ 4%
แรงกดดันต่อดัชนีในวันนี้ (27 กรกฎาคม) ยังคงมาจากหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นการศึกษา รวมไปถึงหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยหุ้นอย่าง Tencent ลดลง 10% ขณะที่ Meituan ลดลงหนักถึง 16% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดในหนึ่งวันของบริษัท
ขณะที่ปริมาณการซื้อขายหมุนเวียนของตลาดหุ้นฮ่องกงในกระดานหลักพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 1.47 ล้านล้านบาท
แดเนียล โซ นักกลยุทธ์ของบริษัทหลักทรัพย์ CMB International กล่าวว่า ปัจจัยกดดันหลักในขณะนี้คือความกังวลว่าหน่วยงานกำกับอาจจะเพิ่มกฎเกณฑ์การควบคุม หรืออาจจะขยายขอบเขตการควบคุมไปยังอุตสาหกรรมอื่น ซึ่งความกังวลนี้น่าจะปกคลุมตลาดต่อไปตลอดทั้งครึ่งหลังของปีนี้ ทำให้ในเวลานี้อาจจะยังเร็วเกินไปสำหรับนักลงทุนที่จะเข้าซื้อ เพราะมองว่าเป็นจุดต่ำสุดแล้ว
ทั้งนี้ แรงขายอย่างหนักเมื่อวันจันทร์ (26 กรกฎาคม) เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลจีนเปิดเผยแนวทางการปฏิรูปธุรกิจในประเทศ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการพยายามปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจของธุรกิจติวเตอร์ให้กลายเป็นธุรกิจไม่แสวงหากำไร
ไต้หมิง ผู้จัดการกองทุนของ Huichen Asset Management กล่าวว่า ตอนนี้ประเมินได้ค่อนข้างยากว่ามูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นเหล่านี้ควรจะเป็นเท่าใด เนื่องจากความไม่แน่นอนของเกณฑ์การควบคุม ซึ่งในอดีตตลาดไม่ได้กังวลใดๆ เกี่ยวกับเกณฑ์ในการควบคุมต่างๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะสามารถทำลายบริษัทหรืออุตสาหกรรมใดๆ ลงได้ตามต้องการ
อ้างอิง: