หนุ่มสาวชาวจีนจำนวนมากกำลังเผชิญกับความยากลำบากในการหางาน จากการที่รัฐบาลตัดสินใจใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ หรือ Zero-COVID เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศ ซึ่งส่งผลให้ภาคธุรกิจชะลอการจ้างลง
โดยสถานการณ์ดังกล่าวอาจเลวร้ายไปอีกหากการบังคับใช้มาตรการควบคุมโควิดยังลากยาวไปถึงช่วงที่นักศึกษาจบใหม่ในปีนี้จำนวน 10.76 ล้านคนจะเข้าสู่ตลาดแรงงาน ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการว่างงานของคนหนุ่มสาวเพิ่มสูงขึ้น และอาจกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในระยะยาวปานกลางถึงระยะยาว
“ความหวังในการได้งานของผมต้องสิ้นสุดลงเมื่อเกิดการระบาดของโควิดระลอกใหม่” นักศึกษาปริญญาโทชาวจีนวัย 25 ปีรายหนึ่ง ให้สัมภาษณ์หลังจากที่การสอบคัดเลือกบรรจุข้าราชการในเมืองเทียนจินถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอัตราการว่างงานของชาวจีนในช่วงอายุระหว่าง 16-24 ปี ปรับเพิ่มขึ้น 0.7% ไปแตะระดับ 16% ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าอัตราการว่างงานในภาพรวมซึ่งอยู่ที่ระดับ 5.8%
Zhaopin บริษัทด้านการจัดหางานของจีน เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ตำแหน่งงานที่เปิดรับกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ในตลาดมีการปรับลดลงถึง 4.5% โดยในอุตสาหกรรมที่ถูกรัฐบาลเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุม เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์และการศึกษา ตำแหน่งงานมีการปรับลดลงถึง 30% แม้แต่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มีการเติบโตสูง ตำแหน่งงานก็ยังปรับลดลง 2%
มีการคาดการณ์กันว่าตัวเลขนักศึกษาจบใหม่ของจีนในปีนี้จะอยู่ที่ 10.76 ล้านคน ซึ่งหากรวมตัวเลขของนักศึกษาจีนที่ศึกษาอยู่ในต่างประเทศราว 1 ล้านคนที่ในปีนี้จะกลับมาหางานทำในประเทศด้วย ก็จะยิ่งส่งผลให้การแข่งขันในตลาดแรงงานจีนรุนแรงยิ่งขึ้น
ทาคาโมโตะ ซูซูกิ หัวหน้านักวิจัยของ Marubeni (China) คาดว่า อัตราการว่างงานของหนุ่มสาวชาวจีนจะพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงจบการศึกษา โดยตัวเลขการว่างงานของคนกลุ่มนี้อาจพุ่งขึ้นไปสูงถึง 20%
อ้างอิง: