ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Caixin Manufacturing PMI) ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวภาคการผลิตของจีนในเดือนล่าสุด (กรกฎาคม) ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 49.2 จากระดับ 50.5 ในเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงกิจกรรมการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมของจีนที่หดตัวลงจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
การหดตัวในภาคการผลิตของจีนยังส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของประเทศอื่นๆ ในเอเชียที่จีนมีการสั่งซื้อวัตถุดิบและชิ้นส่วนในการผลิตสินค้า เช่น ไต้หวันที่ดัชนี PMI ในเดือนล่าสุดปรับลดสู่ระดับ 44.1 หรือต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ขณะที่ดัชนี PMI ของญี่ปุ่นก็ปรับลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 49.6
ตัวเลขดัชนี PMI ในเดือนล่าสุดของจีนถือเป็นข้อมูลที่สะท้อนว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนยังคงอ่อนแรงกว่าที่หลายฝ่ายเคยคาดการณ์ไว้ การบริโภคภายในประเทศยังไม่กลับมา ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเคยมีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน ก็ยังไม่มีท่าทีกระเตื้องขึ้น
ล่าสุดทางการจีนได้เปิดตัวเลขยอดขายบ้านในเดือนกรกฎาคมออกมาพบว่า ยอดขายบ้านของ 100 บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศมีมูลค่ารวมกันเพียง 3.5 แสนล้านหยวน หรือ 4.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ปรับลดลง 33.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยอดขายบ้านที่ปรับตัวลดลงถือเป็นสัญญาณเชิงลบสำหรับบริษัทผู้พัฒนาอสังหาหลายแห่งของจีน ที่ต้องการสภาพคล่องเข้ามาหมุนเวียนและชำระหนี้ที่จะครบกำหนด เช่น กรณีของบริษัท Country Garden Holdings ที่มีหนี้ค้างชำระเหลืออยู่ 2.9 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้
“หากยอดขายบ้านยังอยู่ในระดับต่ำเช่นนี้ต่อไป โอกาสที่ผู้ประกอบการภาคอสังหาของจีนจะผิดนัดชำระหนี้จะมีสูงขึ้น” เรย์มอนด์ เฉิง หัวหน้าฝ่ายวิจัยตลาดจีนและฮ่องกงของ CGS-CIMB Securities ระบุ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มผู้นำระดับสูงจำนวน 24 คน ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อโปลิตบูโรของจีน ได้มีการประชุมร่วมกันและมีการส่งสัญญาณว่า รัฐบาลพร้อมที่จะมีการปรับเปลี่ยนและปรับปรุงประสิทธิภาพของนโยบายที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ
โดยสำนักข่าว Xinhua ของจีน รายงานว่า คณะโปลิตบูโรได้กล่าวในที่ประชุมว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับความยากลำบากและความท้าทายหลายประการ เช่น อุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ ความท้าทายในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ รวมถึงความซับซ้อนจากปัจจัยเศรษฐกิจนอกประเทศ
คณะโปลิตบูโรยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของรัฐบาล ที่จะต้องเข้ามามีบทบาทช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและรายได้ของคนในประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตได้ดียิ่งขึ้น โดยภาคส่วนที่จำเป็นต้องเข้าไปช่วยกระตุ้นประกอบด้วย ยานยนต์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งจะมีการโปรโมตการท่องเที่ยวภายในประเทศให้มากขึ้นด้วย
การออกมาส่งสัญญาณดังกล่าวทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า เร็วๆ นี้ทางการจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แรงขึ้น เพื่อช่วยให้ GDP ในปีนี้สามารถขยายตัวได้ที่ระดับ 5% ตามเป้าหมาย หลังจากในช่วงที่ผ่านมาทางการจีนใช้วิธีปรับลดดอกเบี้ยลงเล็กน้อย เพื่อกระตุ้นการลงทุนและกำลังซื้อในประเทศ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ายังไม่มีประสิทธิภาพมากพอ
อ้างอิง:
