แรงกดดันเงินเฟ้อในจีนเริ่มทุเลา หลังปัญหาวิกฤตพลังงานเริ่มคลี่คลาย ปริมาณการเดินทางในประเทศและความต้องการแร่โลหะลดลง

แรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อในจีนเริ่มเบาบางลง หลังปัญหาวิกฤตขาดแคลนพลังงานเริ่มคลี่คลายจากราคาถ่านหินที่ลดลง ขณะที่นโยบายควบคุมการระบาดที่เข้มงวดของจีนและปัญหาสภาพคล่องที่ตึงตัวในภาคอสังหาริมทรัพย์ก็ส่งผลให้ปริมาณการเดินทางและความต้องการใช้สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น เหล็กและทองแดง ปรับตัวลดลง

“ดูเหมือนว่าปัจจัยต่างๆ ที่จะเป็นแรงกดดันให้เงินเฟ้อในจีนพุ่งสูงขึ้นเริ่มเบาบางลงแล้วในขณะนี้” เซียวฟู่ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Bank of China กล่าว

ความพยายามควบคุมการแพร่ระบาดด้วยมาตรการควบคุมการเดินทางที่เข้มงวดของจีน ส่งผลให้การเดินทางในประเทศรวมถึงการใช้รถยนต์และน้ำมันในเดือนที่ผ่านมาชะลอตัวลง ขณะที่ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงของเครื่องบินก็ปรับลดลงราว 10%

ในด้านพลังงานไฟฟ้า แม้ว่าอุณหภูมิจะเริ่มลดลงจากการเข้าสู่ฤดูหนาว แต่ดูเหมือนว่าการเร่งผลิตถ่านหินตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนของจีนจะเริ่มผลิดอกออกผล โดยปัจจุบันราคาถ่านหินยังคงยืนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าครึ่งของช่วงพีกในเดือนตุลาคม ขณะที่ปริมาณถ่านหินในสต๊อกก็อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ ทำให้ความกังวลเรื่องการขาดแคลนพลังงานในฤดูหนาวดูจะเริ่มคลี่คลายลง

ขณะเดียวกันปัญหาวิกฤตหนี้และสภาพคล่องในภาคอสังหาของจีน ซึ่งส่งผลต่อยอดขาย การก่อสร้าง และการเริ่มพัฒนาโครงการใหม่ๆ ก็ทำให้ความต้องการใช้เหล็กปรับตัวลดลง โดยปัจจุบันจีนได้ลดการผลิตเหล็กลงมาเหลือ 2 ใน 3 จากช่วงครึ่งปีแรก

นอกจากนี้เมื่อคนซื้อบ้านน้อยลง ก็ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ให้ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งต้องใช้ทองแดงและอะลูมิเนียมในการผลิต ปรับลดลงตามไปด้วย

“ในช่วง 1-3 เดือนต่อจากนี้ เราน่าจะได้เห็นการอ่อนแรงลงทั้งในฝั่งอุปสงค์และอุปทานของแร่โลหะหลายประเภทจากปัจจัยด้านฤดูกาลและปัญหาที่เกิดขึ้นภาคอสังหาริมทรัพย์” เทรซี เลียว นักวิเคราะห์จาก Citigroup กล่าว

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ต่างระบุว่า ปัจจัยต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โดยยังต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดต่อไป เนื่องจากตลาดยังมองว่ามีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจีนอาจจะยื่นความช่วยเหลือบางอย่างให้กับภาคอสังหา ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้แร่โลหะกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง และแม้ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ในจีนจะเริ่มทรงตัว แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อ้างอิง: