David Sacks ประธานสภาที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของทำเนียบขาวสหรัฐฯ เผยว่า จีนรู้ทันกลยุทธ์ขายชิปของสหรัฐฯ โดยปัดซื้อชิป H200 และหันไปพึ่งเซมิคอนดักเตอร์ที่พัฒนาในประเทศแทน
ก่อนหน้านี้ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม ว่าอนุญาตให้มีการส่งออกชิป H200 ของ Nvidia ไปยังจีน เพื่อแข่งขันกับ Huawei Technologies บริษัทเทคโนโลยีอันดับหนึ่งในจีน โดยมี Sacks เป็นผู้ผลักดันแผนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม Sacks กล่าวในวันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม โดยส่งสัญญาณถึงความไม่แน่ใจว่าแผนดังกล่าวจะได้ผลหรือไม่
Sacks กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg Tech ว่า “พวกเขาปฏิเสธชิปของเรา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการมัน และผมคิดว่าเหตุผลเป็นเพราะพวกเขาต้องการความเป็นอิสระด้านเซมิคอนดักเตอร์”
คำกล่าวของ Sacks ทำให้เกิดคำถามว่า Nvidia จะสามารถกอบกู้รายได้ในจีนได้หรือไม่ ซึ่งปัจจุบัน Nvidia ตัดจีนออกจากคาดการณ์รายได้ทั้งหมดแล้ว ขณะที่ Jensen Huang คาดการณ์ว่า ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในจีนปีนี้มีมูลค่าสูงถึง 50,000 ล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence ประมาณการว่า H200 มีโอกาสทำรายได้ราว 10,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี หากจีนเปิดทางให้มีการใช้ชิปของบริษัทสหรัฐฯ ทำตลาดในประเทศได้
ทางด้านโฆษกของ Nvidia ได้แถลงว่า บริษัทจะยังคงทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ ในการขอใบอนุญาตส่งออกชิป H200 ให้กับลูกค้าที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว
“แม้เรายังไม่มีผลลัพธ์มาแจ้งให้ทราบ แต่เป็นที่ชัดเจนว่า การควบคุมการส่งออกที่กว้างเกินไปตลอดสามปีที่ผ่านมา ได้ช่วยส่งเสริมบริษัทต่างชาติที่เป็นคู่แข่งของสหรัฐฯ และสร้างความเสียหายแก่ผู้เสียภาษีสหรัฐฯ หลายพันล้านดอลลาร์”
Liu Pengyu โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐ ระบุว่า ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของจีนและสหรัฐ “เราหวังว่าสหรัฐจะทำงานร่วมกับจีน เพื่อดำเนินมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการรักษาเสถียรภาพและความราบรื่นของห่วงโซ่อุปทานโลก”
Bloomberg รายงานว่า จีนกำลังพิจารณามาตรการส่งเสริมธุรกิจมูลค่าสูงถึง 70,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตชิปในประเทศ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลจีน ในการลดการพึ่งพาผู้ผลิตชิปต่างชาติอย่าง Nvidia และบ่งชี้ว่ารัฐบาลจีนจะยังคงสนับสนุนบริษัทอย่าง Huawei และ Cambricon Technologies ต่อไป แม้ว่าสหรัฐฯ จะอนุญาตให้ส่งออก H200 ไปจีนได้แล้วก็ตาม
ชิป H200 ซึ่งเปิดตัวในปี 2023 และเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าเมื่อปีก่อน ถือเป็นส่วนหนึ่งในชิปตระกูล Hopper ของ Nvidia และมีประสิทธิภาพเป็นรองเพียงตระกูล Blackwell และตามหลังตระกูล Rubin ที่กำลังจะเปิดตัวอยู่สองรุ่น
โดยระยะเวลาที่ห่างกัน 18 เดือนนี้ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ รัฐบาลภายใต้การนำของ Trump อนุญาตให้มีการส่งออกไปจีน
Sacks กล่าวต่อว่า เหตุผลหลักที่จีนยังคงลังเลต่อการซื้อชิป H200 เป็นเพราะจีนต้องการสนับสนุน Huawei พร้อมกันนั้น Sacks ยังปกป้องการตัดสินใจส่งชิป H200 ไปจีน โดยให้เหตุผลว่าชิป H200 เป็นเทคโนโลยีที่ล้าหลังและไม่ล้ำสมัยอีกแล้ว
การตัดสินใจเกี่ยวกับชิป H200 นั้นมีแรงจูงใจมาจากการประเมินว่า Huawei ซึ่งเป็นคู่ปรับตัวฉกาจของ Nvidia ในจีนนั้น ได้ใช้แพลตฟอร์ม Cloud Matrix 384 รวมถึงระบบ AI ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากัน มาเชื่อมต่อโปรเซสเซอร์หลายร้อยตัวเข้าด้วยกันเพื่อชดเชยประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าในชิปแต่ละตัว
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางคนมองว่า H200 เป็นการประนีประนอมจากความพยายามก่อนหน้านี้ของ Nvidia ในการส่งออกชิป Blackwell เวอร์ชันหนึ่งไปยังประเทศจีน
สัปดาห์ก่อน ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังพิจารณาการตัดสินใจ Huang ได้บอกกับผู้สื่อข่าวในกรุงวอชิงตันว่า เขาไม่รู้ว่าจีนจะยอมรับชิป H200 หรือไม่ แม้ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีนจะตอบรับการอนุมัติการส่งออก H200 ในเชิงบวก
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนยังไม่ได้อนุญาตให้นำเข้าผลิตภัณฑ์ H200 ของ Nvidia และยังไม่ได้ปฏิเสธอย่างเป็นทางการเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ จีนได้ปฏิเสธการนำเข้าชิป H20 ซึ่งเป็นชิปที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่ามากแล้วครั้งหนึ่งเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา


