Fitch Ratings บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชื่อดัง ได้ออกบทวิเคราะห์ที่มีเนื้อหาระบุว่า ผลกระทบจากวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนอาจลุกลามไปสู่ภาคธุรกิจอื่นๆ ภายใน 12-24 เดือน หากปัญหายังคงยืดเยื้อต่อไป โดยมี 3 ธุรกิจที่มีความอ่อนไหวมากเป็นพิเศษ ประกอบด้วย กลุ่มบริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์ กลุ่มบริษัทในธุรกิจก่อสร้างและวิศวกรรม และกลุ่มผู้ผลิตเหล็กรายเล็ก
รายงานของ Fitch ให้เหตุผลว่า ปัจจุบันบริษัทบริหารสินทรัพย์หลายแห่งในจีนมีการถือครองสินทรัพย์ที่มีอสังหาเป็นหลักประกัน ทำให้บริษัทเหล่านี้มีความเสี่ยง หากปัญหาให้ภาคอสังหายังลากยาวต่อไป ขณะที่ภาคธุรกิจก่อสร้างและวิศวกรรม และผู้ผลิตเหล็กรายเล็กก็จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากโครงการก่อสร้างที่ลดจำนวนลง ทำให้มีความเสี่ยงที่จะประสบปัญหาสภาพคล่อง โดยมีหลายบริษัทต้องเผชิญกับภาวะขาดทุนมา 2-3 เดือนแล้ว
“หากมาตรการแทรกแซงของภาครัฐไม่ถูกใช้อย่างถูกที่และเวลา ปัญหาในภาคอสังหาของจีนจะยืดเยื้อ และสร้างผลกระทบต่อภาคธุรกิจอื่นๆ นอกเหนือจากห่วงโซ่ของภาคอสังหา” รายงานของ Fitch ระบุ
ข้อมูลของ Fitch ชี้ให้เห็นว่า ยอดขายบ้านในประเทศจีนปรับตัวลดลงถึง 32% ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยหากนับเฉพาะบริษัทผู้พัฒนาโครงการที่มีขนาดใหญ่ 100 อันดันแรก ยอดขายบ้านจะปรับลดลงถึง 50%
นอกจากนี้ Fitch ยังประเมินว่า สถานการณ์ที่มีผู้ซื้อบ้านจำนวนมากในจีนตัดสินใจหยุดผ่อนชำระค่างวดในโครงการบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา อาจทำให้วิกฤตในภาคอสังหาของจีนยิ่งเลวร้ายลง โดยมีความเป็นไปได้ที่อาจต้องรอถึงปีหน้า กว่าที่ยอดขายจะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP