หวังอี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน ประกาศว่ารัฐบาลปักกิ่งเปิดกว้างในการเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่กับสหรัฐฯ พร้อมประกาศว่าทั้งสองประเทศกำลังอยู่ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของประวัติศาสตร์ หลังสถานการณ์ความสัมพันธ์ตึงเครียดหนักในช่วงปีที่ผ่านมา
หวังอี้แสดงท่าทีดังกล่าวระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ผ่านวิดีโอในที่ประชุมสภาธุรกิจสหรัฐฯ-จีน พร้อมชี้ว่านโยบายของสหรัฐฯ ที่มีต่อจีนจำเป็นต้องกลับไปสู่จุดที่มีความเที่ยงธรรมและมีเหตุผล
“เราควรพยายามเริ่มพูดคุยกันใหม่ กลับไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง และสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันในระยะต่อไปของความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ” หวังอี้กล่าว พร้อมตำหนิความแตกแยกที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นผลจากชาวอเมริกันบางคนที่มีความคิดของสงครามเย็นที่ล้าสมัยและมีอคติทางอุดมการณ์
“ที่สำคัญคือการเคารพซึ่งกันและกัน เคารพมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของแต่ละฝ่าย เคารพผลประโยชน์หลักและข้อกังวลที่สำคัญของแต่ละฝ่าย และเคารพทางเลือกของแต่ละฝ่าย”
สำหรับสภาธุรกิจสหรัฐฯ-จีนนั้นเป็นองค์กรไม่หวังผลกำไรที่ทำหน้าที่ผู้แทนรักษาผลประโยชน์ของบริษัทอเมริกันกว่า 200 บริษัทที่ทำธุรกิจในจีน
ขณะที่สุนทรพจน์ของหวังอี้มีขึ้นระหว่างที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าขยายมาตรการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลจีน
โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (7 ธันวาคม) กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ประกาศเพิ่มการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีน 14 ราย ซึ่งเป็นสมาชิกคณะกรรมการสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPCSC) โดยห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ และอายัดทรัพย์สินในสหรัฐฯ ทั้งหมด เพื่อตอบโต้กรณีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ในฮ่องกง ซึ่งผลจากกฎหมายดังกล่าวส่งผลให้มีนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในฮ่องกงหลายคนถูกจับและมีการจำกัดเสรีภาพในการพูด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: