นักวิเคราะห์มองว่า หลังจากเห็นว่ารัสเซียได้รับผลกระทบมากแค่ไหนจากมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินของชาติตะวันตกบางประเทศรวมถึง ‘จีน’ จึงต้องรีบลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์และเร่งสะสมทองคำไว้
ตามรายงานของสภาทองคำโลก (World Gold Council) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ (กรกฎาคม-กันยายน) ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำสุทธิ 399.3 ตัน มากกว่าปีก่อนกว่า 4 เท่าตัว และเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากการซื้อสุทธิ 186 ตันในไตรมาสที่ 2 และ 87.7 ตันในไตรมาสแรกของปีนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เกิดเหตุประท้วงรุนแรง! ในโรงงานฟ็อกซ์คอนน์ในจีน สะท้อนความไม่พอใจ Zero-COVID จับตากระทบการผลิต iPhone
- ‘UN’ เผยประชากรโลกแตะ 8 พันล้านคนแล้ว ‘อินเดีย’ จ่อแซงจีนปีหน้า หลังอายุขัยเฉลี่ยมนุษย์สูงขึ้น
- นักลงทุนผวา! จีนสั่งล็อกดาวน์ระลอกใหม่ ฉุดหุ้น-น้ำมันทั่วเอเชียร่วงระนาว
โดยธนาคารกลางของตุรกี อุซเบกิสถาน และอินเดีย ถือเป็นธนาคารกลางที่รายงานการซื้อทองคำมากที่สุดในไตรมาสที่ผ่านมา จำนวน 31.2 ตัน, 26.1 ตัน และ 17.5 ตัน ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาอยู่ที่การรายงานของธนาคารกลางที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ รวมกันได้ประมาณ 75 ตันเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ยังไม่ชัดเจนว่าธนาคารกลางประเทศใดบ้างที่อยู่เบื้องหลังการซื้อส่วนใหญ่ที่เหลืออีกกว่า 300 ตัน ทำให้หลายฝ่ายพากันคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางใดบ้างที่ตุนทองคำโดยไม่รายงาน
Emin Yurumazu นักเศรษฐศาสตร์จากตุรกีกล่าวว่า หลังจากเห็นว่าทรัพย์สินในต่างประเทศของรัสเซียถูกแช่แข็ง หลังจากการรุกรานยูเครน ประเทศที่ต่อต้านตะวันตกต่างกระตือรือร้นที่จะสะสมทองคำไว้ในมือ
คาดจีนกำลังตุนทองคำ
Itsuo Toshima นักวิเคราะห์ตลาดกล่าว “จีนน่าจะซื้อทองคำจำนวนมากจากรัสเซีย” เนื่องจากในอดีตจีนเคยไม่เปิดเผยการซื้อทองคำตั้งแต่ปี 2009 ก่อนจะทำให้ตลาดตะลึงในปี 2015 โดยเปิดเผยว่าได้เพิ่มการถือครองทองคำประมาณ 600 ตัน โดยไม่มีรายงานกิจกรรมใดๆ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2019
Toshima กล่าวว่า ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มที่จะซื้อทองคำส่วนหนึ่งของธนาคารกลางแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ถือครองทองคำมากกว่า 2,000 ตัน
ธนาคารกลางและสถาบันของรัฐบาลต่างสะสมทองคำสำรองในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หลังจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 ได้ทำลายความเชื่อมั่นในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์อื่นๆ ส่งผลให้ธนาคารกลางต่างๆ ต้องกระจายพอร์ตการลงทุน รวมไปถึงประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ ก็กำลังพยายามเสริมความแข็งแกร่งของทองคำสำรอง ซึ่งมีสภาพคล่องสูงและไม่มีความเสี่ยงของภาครัฐบาล (Sovereign Risk) ซึ่งหมายถึงความเสี่ยงที่รัฐบาลเป็นผู้กู้ยืมเงินไม่สามารถหรือไม่ชำระหนี้ตามเงื่อนไขของสัญญา หรือปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามสัญญาหรือพันธะที่ได้กำหนดไว้
โดยจีนขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ไปมูลค่า 1.212 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่ากับทองคำประมาณ 2,200 ตัน ระหว่างสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ หรือทันทีหลังการโจมตียูเครนครั้งแรกของรัสเซีย ถึงสิ้นเดือนกันยายน ตามรายงานของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ
ตามข้อมูลจากหน่วยงานศุลกากรของจีน ระบุว่า การนำเข้าทองคำจากรัสเซียของจีนเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พุ่งขึ้นมากกว่า 8 เท่าในเดือนนี้ หรือประมาณ 50 เท่าจากปีที่แล้ว
อ้างอิง: