เว็บไซต์ข่าว Global Times ของทางการจีนรายงานว่า จีนได้เร่งเดินหน้ากระบวนการประยุกต์ใช้เงินดิจิทัลหยวนภายในประเทศจีน ท่ามกลางการแข่งขันและศึกษาความเป็นไปได้ของสกุลเงินดิจิทัลกลาง (CBDC) ในหลายประเทศทั่วโลก
โดยรายงานระบุว่า เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนเป็นต้นไป ผู้โดยสารระบบขนส่งสาธารณะในกรุงปักกิ่งจะได้รับอนุญาตให้เงินดิจิทัลหยวนสำหรับจ่ายค่าตั๋วโดยสารรถไฟใต้ดิน หลังจากที่ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน รถไฟใต้ดินในเมืองซูโจว ทางตะวันออกของจีนประกาศยอมรับเงินดิจิทัลหยวนเป็นค่าตั๋วโดยสาร
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของทางการจีนที่ค่อยๆ ทยอยให้ประชาชนนำเงินดิจิทัลหยวนมาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยก่อนหน้านี้ทางการจีนได้มีการทดลองนำเงินดิจิทัลหยวนมาใช้ตามร้านค้าต่างๆ ผ่านการแจกอั่งเปาให้ผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ รวมถึงทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัลผ่านตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ
หลิวเตียน (Liu Dian) ผู้ช่วยนักวิจัยแห่งสถาบันฉงหยางแห่งมหาวิทยาลัยเหรินเหมินในจีน (Chongyang Institute of Renmin University of China) กล่าวว่า การใช้เงินหยวนดิจิทัลจะขยายจากบรรดาร้านค้าปลีกไปยังการใช้งานในชีวิตประจำวันที่กว้างมากขึ้น จนกระทั่งถึงการใช้งานชำระเงินข้ามพรมแดน พร้อมยกตัวอย่างกรณีการจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 2022 ที่จะเป็นสถานการณ์ระดับชาติที่จะได้ใช้เงินหยวนดิจิทัลเพื่อการชำระเงินข้ามพรมแดน
ความเคลื่อนไหวของจีนในครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลในหลายประเทศในการเดินหน้าพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของตนเอง โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ประกาศประกวดแข่งขันไอเดียเงินดิจิทัลกลางในประเทศ ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของเขตปกครองตนเองฮ่องกง ประกาศแผนศึกษาความเป็นไปได้ของสกุลเงินดิจิทัลในปี 2022
ด้านนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของจีนส่วนหนึ่งได้ออกมาแสดงความเห็นยืนยันว่า การเดินหน้าพัฒนาเงินหยวนดิจิทัลของจีนมีเป้าหมายเพื่อสร้างความหลากหลายในระบบสกุลเงินโลก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่ออิทธิพลของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้ โดยความเห็นครั้งนี้มีขึ้นหลังหนึ่งในสมาชิกของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกมาแสดงความกังวลว่าการเดินหน้าพัฒนาสกุลเงินหยวนของจีนจะเป็นความเสี่ยงกับสถานะของสกุลเงินยูโร พร้อมวิงวอนให้สหภาพยุโรปเร่งแผนเดินหน้าพัฒนาเงินดิจิทัลกลางของตนเอง
นอกจากนี้ในวันเดียวกัน มีรายงานว่า ชาร์ลี มังเกอร์ รองประธานบริหารของ Berkshire Hathaway คู่หูคนสนิทของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ และเป็นผู้ร่วมก่อร่างสร้าง Berkshire จนกลายเป็นมหาอาณาจักรการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ได้ออกมาแสดงความเห็นสนับสนุนแนวทางของทางการจีนที่เข้าไปจัดการ แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้ง Alibaba พร้อมสั่งปรับโครงสร้าง Ant Group เพื่อระงับการยื่น IPO เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นระหว่างที่เจ้าตัวให้สัมภาษณ์กับทางสถานีโทรทัศน์ CNBC พร้อมกับบัฟเฟตต์ ซึ่งมังเกอร์ในวัย 97 ปีกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ควรเลียนแบบความเด็ดขาดของรัฐบาลจีนในจุดนี้ เพื่อสกัดกั้นการเก็งกำไรของนักลงทุนในตลาด
มังเกอร์ย้ำว่าสิ่งที่ตนต้องการไม่ใช่ระบบการบริหารปกครองทั้งหมดของจีน แต่อยากได้ในส่วนของการกำกับดูแลด้านการเงินให้มีการนำมาใช้ในสหรัฐฯ โดยรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนทำในสิ่งที่ถูกต้องที่เรียก แจ็ค หม่า เข้าไปเตือนว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะกระทบถึงรายย่อย ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ “นายทำไม่ได้นะ”
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: