หลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน กล่าวในการประชุมทางไกลกับเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 1 แสนคนจากทั่วประเทศ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (25 พฤษภาคม) ว่า เศรษฐกิจจีนในเวลานี้กำลังเผชิญกับภาวะชะงักงันและเผชิญกับความเสี่ยงที่สำคัญหลายประการ โดยขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนช่วยกันทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศเอาไว้
“เราต้องพยายามทำให้เศรษฐกิจในไตรมาส 2 เติบโตเป็นบวก เป้าหมายการเติบโตของเราในปีนี้จะสะท้อนความจริงมากขึ้นและลดต่ำลงมาจากระดับ 5.5% ที่วางเอาไว้ในช่วงต้นปี” หลี่กล่าวกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าร่วมประชุม
ถ้อยแถลงดังกล่าวของหลี่ถือเป็นการยอมรับโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนเป็นครั้งแรกว่า GDP ของจีนในปีนี้อาจเติบโตได้ต่ำกว่าระดับเป้าหมายที่ 5.5% โดยผู้เชี่ยวชาญหลายรายคาดว่า GDP จีนในปีนี้อาจขยายตัวได้เพียง 4.5% จากการที่จีนยังไม่มียุทธศาสตร์ในการออกจากวิกฤตโควิดที่ชัดเจนออกมาในขณะนี้
หลี่ยังยอมรับอีกว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากมาตรการควบคุมโควิดเริ่มส่งผลต่อรายได้การคลังของประเทศแล้ว โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา รายได้ที่จัดเก็บโดยรัฐบาลในมลฑลต่างๆ ทั่วประเทศปรับตัวลดลงโดยเฉลี่ยราว 6% ขณะที่รัฐบาลของมณฑลที่อยู่บนลุ่มแม่น้ำแยงซี ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากการล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ จัดเก็บรายได้ลดลงถึง 32%
“เครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราการจ้างงาน การผลิตของภาคอุตสาหกรรม การบริโภคพลังงานและการขนส่งสินค้าปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีความเป็นไปได้ที่จีนอาจจะต้องเผชิญกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจมากกว่าเมื่อครั้งที่เกิดการระบาดในระลอกแรกเมื่อปี 2020” หลี่ระบุในแถลงการณ์
ในช่วงท้ายของแถลงการณ์ หลี่ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ของจีนทั่วประเทศช่วยกันรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2 นี้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมทั้งทำให้อัตราการว่างงานของประเทศปรับลดลงโดยเร็วที่สุด
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP