วันนี้ (8 มกราคม) นักเดินทางเริ่มหลั่งไหลกันเข้าไปในจีนแผ่นดินใหญ่อีกครั้ง ทั้งทางบก ทางเรือ และทางเครื่องบิน หลังจีนเปิดพรมแดนอย่างเต็มรูปแบบเป็นวันแรก โดยหลายคนเฝ้ารอที่จะได้พบปะกับเพื่อนฝูงและครอบครัวที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี นับตั้งแต่ที่โควิดระบาดขึ้นเมื่อปลายปี 2019
จีนแผ่นดินใหญ่กลับมาเปิดพรมแดนกับฮ่องกงอีกครั้งในรอบกว่า 3 ปี พร้อมยกเลิกข้อบังคับที่ระบุให้นักเดินทางจากต่างแดนต้องกักตัว หลังจากที่จีนตัดสินใจยกเลิกนโยบายสกัดโควิดที่เข้มงวดเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเชื้อขนานใหญ่ทั่วเมือง การจำกัดการเดินทาง และการล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่ ท่ามกลางแรงกดดันจากประชาชนที่ออกไปเดินขบวนประท้วง ซึ่งถือเป็นภาพที่เห็นได้ยากในสังคมจีน
บรรยากาศในสนามบินนานาชาติฮ่องกงเป็นไปอย่างคึกคัก โดยแถวนักท่องเที่ยวที่เตรียมเดินทางไปยังเมืองยอดนิยมของจีนอย่างกรุงปักกิ่ง เมืองเทียนจิน และเมืองเซี่ยเหมินต่อคิวกันยาวเหยียด ขณะที่สื่อของฮ่องกงคาดการณ์ว่ามีประชาชนหลายพันคนเตรียมเดินทางในวันนี้
เทเรซา เชา หญิงชาวฮ่องกงที่กำลังเตรียมเดินทางไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เธอรู้สึกดีใจและตื่นเต้นอย่างมาก เพราะจะได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่เมืองหนิงป่อ (Ningbo) ของจีน หลังไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายปี “พ่อกับแม่ของฉันสุขภาพไม่ดี และฉันก็ไม่มีโอกาสกลับไปเยี่ยมพวกเขาเลย ทั้งที่พวกเขาป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ ฉะนั้นวันนี้ฉันจึงมีความสุขมากที่ได้กลับไปเจอพวกเขา”
เชาไม่ใช่เพียงคนเดียวที่มีความสุข เพราะภาพจากโซเชียลมีเดียอีกเป็นจำนวนมากเผยให้เห็นเหล่าเพื่อน ครอบครัว และคนรักที่โผกอดกันด้วยความดีใจ ณ สนามบินกรุงปักกิ่ง
ด้านนักลงทุนคาดหวังว่า การกลับมาเปิดพรมแดนครั้งนี้จะทำให้ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ถึง 17 ล้านล้านดอลลาร์กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง หลังเศรษฐกิจจีนขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบครึ่งศตวรรษ แต่ถึงเช่นนั้น สิ่งที่ต้องแลกมาคือการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหญ่ที่ทำให้ระบบสาธารณสุขต้องรับภาระหนัก และธุรกิจบางแห่งต้องหยุดชะงักลง
โดยเมื่อวานนี้ (7 มกราคม) เป็นวันเริ่มต้น ‘ชุนยุ่น’ (Chun Yun) หรือเป็นวันแรกของช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ประชาชนจำนวนมหาศาลจะเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อใช้เวลากับครอบครัว โดยชุนยุ่นจะดำเนินไปเป็นเวลา 40 วัน ซึ่งทางการจีนคาดว่าจะมีประชาชนกว่า 2 พันล้านคนที่เดินทางในช่วงนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับปี 2022 เกือบสองเท่า และอยู่ที่ประมาณ 70% ของระดับปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดโรคระบาด
นอกจากนี้ คาดว่าจะมีชาวจีนจำนวนมากที่เดินทางออกไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ โดยเฉพาะจุดหมายปลายทางยอดฮิตอย่างไทยและอินโดนีเซีย ท่ามกลางความกังวลของรัฐบาลประเทศต่างๆ ที่วิตกว่าการมาเยือนของชาวจีนจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดหนักขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกได้ออกมาตรการพิเศษเพื่อเฝ้าระวังนักท่องเที่ยวจีน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การเดินทางจะไม่พุ่งกลับมาเท่ากับระดับก่อนเกิดโรคระบาดอย่างรวดเร็วนัก เนื่องจากหลายปัจจัย เช่น การขาดแคลนเที่ยวบินระหว่างประเทศ
อ้างอิง: