เด็กจบใหม่จีนมีแนวโน้มว่างงานสูงขึ้น เหตุเศรษฐกิจชะลอตัวทำตำแหน่งงานลดลง

สถานีโทรทัศน์ Channel News Asia ของสิงคโปร์ รายงานว่า เศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีน ทำให้คนหนุ่มสาวหลายล้านคนแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อหา ตำแหน่งงาน ที่มีน้อยลง และเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอนมากขึ้น

ข้อมูลอย่างเป็นทางการที่เผยแพร่ในเดือนนี้แสดงให้เห็นว่า 1 ใน 5 ของคนหนุ่มสาวในเมืองต่างๆ ของจีนไม่มีงานทำในเดือนกรกฎาคม มากกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศถึง 3 เท่า และสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2018

ผู้สำเร็จการศึกษาเกือบ 11 ล้านคนเข้าสู่ตลาดงานที่ตกต่ำของจีนในช่วงฤดูร้อนปีนี้ ท่ามกลางเศรษฐกิจจีนที่เติบโตได้ 0.4% ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี

รายงานระบุว่า ตำแหน่งงานที่มีอยู่จำกัดทำให้บริษัทช่างเลือกมากขึ้น เด็กจบใหม่ส่วนใหญ่จึงเผชิญชะตากรรมเดียวกันก็คือโดนปฏิเสธจากบริษัทที่ยื่นสมัครไว้ ซึ่งการแข่งขันยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากตำแหน่งงานนั้นอยู่ในเมืองใหญ่ๆ

อย่างไรก็ตาม แม้จะหันมาสมัครงานในเมืองเล็กๆ เด็กจบใหม่ส่วนใหญ่ก็ยังคงหางานได้ยากอยู่ดี เนื่องจากนายจ้างมักอ้างว่า พวกเขาไร้ประสบการณ์ ไม่เหมาะกับงาน

ขณะเดียวกัน ตำแหน่งงานยังลดลงอีก เมื่อบรรดาบริษัทในภาคเทคโนโลยีและการศึกษา ได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบโดยภาครัฐ จนต้องปรับโครงสร้างกันขนานใหญ่ หลายบริษัทไปต่อไม่ได้ ทำให้ตำแหน่งงานลดลงไปอีก

กลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้แรงงานรุ่นเยาว์เหล่านี้รู้สึกมืดมนไร้อนาคต หลายคนถึงกับถอดใจ ไม่ยอมหางานทำอีก และใช้ชีวิตแบบคนว่างงานไปวันๆ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยาการมนุษย์โดยใช่เหตุ

นักวิเคราะห์ชี้ว่าสาเหตุหลักเป็นเพราะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ของโควิด ในช่วงเวลาที่มีกลุ่มประชากรขนาดใหญ่ก้าวเข้าสู่กำลังแรงงานในช่วงจบการศึกษาในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม

นอกจากนี้ เนื่องจากข้อมูลอย่างเป็นทางการไม่ได้ติดตามการว่างงานในหมู่เยาวชนในชนบท ดังนั้นหลายฝ่ายมองว่า ประชากรผู้ว่างงานที่แท้จริงในจีนอาจมีจำนวนมากกว่าสองเท่าของจำนวนที่เป็นทางการ

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าสิ่งนี้อาจนำไปสู่สภาวะที่เรียกว่า ‘Degree Inflation’ ซึ่งนายจ้างต้องการคุณสมบัติที่สูงขึ้นและสูงขึ้นสำหรับงานที่ไม่จำเป็น

ด้านนักวิเคราะห์ตำหนินโยบายของรัฐบาลที่เห็นการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของนักศึกษาวิทยาลัยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่กลับไม่มีการสร้างเศรษฐกิจให้รองรับคนงานที่มีความรู้มากขึ้น และสถานการณ์การระบาดของโควิด เพียงแค่ทำให้ปัญหาดังกล่าวมีความชัดเจนมากขึ้น

ด้านรัฐบาลจีนได้ให้คำมั่นที่จะจ้างงานโดยเสนอการลดหย่อนภาษีสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก และการจัดหาเงินทุนเพิ่มเติม โดยนายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงกล่าวว่า วิกฤตการจ้างงานของจีนนั้น “ซับซ้อนและร้ายแรง” และเรียกร้องให้บริษัทที่รัฐเป็นเจ้าของยกระดับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

กระนั้น ในขณะที่การเติบโตของภาคเอกชนชะลอตัว ผู้หางานก็แห่กันไปที่โรงเรียนกวดวิชาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสอบรับราชการที่มีการแข่งขันสูง ยืนยันได้จากสถิติผู้ลงทะเบียนสอบรับราชการระดับชาติ 2 ล้านคนเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว

ขณะที่การสำรวจล่าสุดโดย 51job หนึ่งในบริการค้นหางานที่ใหญ่ที่สุดของจีน พบว่า 40% ของผู้ตอบแบบสอบถามชอบงานของรัฐที่มั่นคงมากกว่าอาชีพในองค์กรเอกชน

อ้างอิง: