นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการหารือทวิภาคีระหว่าง สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และหวังอี้ สมาชิกกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนที่มณฑลยูนนาน เมื่อวานนี้ (28 ธันวาคม)
โดยหัวข้อหลักครอบคลุมเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และจุดยืนที่จีนเน้นย้ำว่า จีนเป็นกลางและสนับสนุนกลไกทวิภาคีในการแก้ปัญหา นอกจากนี้จีนยังยืนยันว่า เครื่องบินที่ส่งความช่วยเหลือแก่กัมพูชานั้น เป็นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งกัมพูชาเป็นผู้ร้องขอ และที่ผ่านมากัมพูชาก็ร้องขอกับหลายประเทศ
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ในระหว่างการประชุม สีหศักดิ์ได้ย้ำกับหวังอี้ว่า ไทยมีความต้องการสันติภาพที่ยั่งยืนมาตลอด และต้องการบรรลุความตกลงกับกัมพูชาในระดับทวิภาคี อย่างไรก็ตามกัมพูชาพยายามนำเรื่องความขัดแย้งเข้าสู่เวทีระหว่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง ซึ่งฝ่ายจีนก็เห็นด้วยกับแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งผ่านกรอบทวิภาคี มากกว่าการใช้กลไกระดับพหุภาคี
นิกรเดชกล่าวว่า ความไว้เนื้อเชื่อใจเป็นหลักการสำคัญที่จะนำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน
ซึ่งจุดประสงค์ของการเดินทางมาประชุมที่จีนในครั้งนี้ ก็เพื่อตอกย้ำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ซึ่งหากไม่มีเรื่องนี้ก็จะไม่เกิดสันติภาพที่ยั่งยืนขึ้นได้ โดยฝ่ายไทยคาดหวังว่า จีนจะมีบทบาทช่วยโน้มน้าวให้กัมพูชาสร้างความเชื่อมั่นแก่ไทยว่ากัมพูชาจะมีความจริงใจในการแก้ปัญหา
ในที่ประชุมทวิภาคี สีหศักดิ์ได้เล่าให้หวังอี้ฟังเกี่ยวกับถ้อยแถลงร่วมกัวลาลัมเปอร์ที่ถูกระงับว่า เป็นเพราะกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิด เช่น การฝังทุ่นระเบิดเพิ่มเติม การไม่ปราบปรามสแกมเมอร์อย่างจริงจัง ซึ่งต่อมาสถานการณ์บริเวณชายแดนได้ทวีความตึงเครียดขึ้นจากชนวนที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดครั้งที่ 7 ซึ่งประชาชนไทยให้ความสำคัญมาก จนนำไปสู่การปะทะกันที่ชายแดนระลอกใหม่
นิกรเดชเผยว่า หวังอี้ขอให้ไทยเชื่อมั่นว่า จีนจะดำรงบทบาทเป็นกลาง โดยที่ผ่านมาจีนมองสถานการณ์ปะทะที่ชายแดนด้วยความเป็นห่วงตั้งแต่ต้น เพราะทั้งไทยและกัมพูชาต่างก็เป็นประเทศรอบบ้านของจีน และจีนก็เป็นมิตรกับทั้งสองประเทศ โดยจีนพร้อมจะเป็นช่องทางในการสร้างสภาวะแวดล้อมเพื่อช่วยลดความตึงเครียดและสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างสองประเทศ ซึ่งหากฝ่ายไทยต้องการอะไรก็ขอให้บอกกับจีน
ส่วนประเด็นที่ประชาชนไทยตั้งคำถามเกี่ยวกับภาพเครื่องบินจีนที่ไปจอดในกัมพูชานั้น สีหศักดิ์ก็ได้ถามเรื่องนี้กับหวังอี้ด้วยความกังวลเช่นกัน ซึ่งหวังอี้ตอบว่า ความช่วยเหลือที่ส่งไปยังกัมพูชานั้น เป็นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เช่น เต็นท์ ยารักษาโรค และอาหาร ซึ่งหากฝ่ายไทยประสงค์จีนก็พร้อมให้ความช่วยเหลือด้วยเช่นกัน
หวังอี้ยังเปิดเผยถึงการหารือทวิภาคีระหว่างตนกับ ปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาในวันเดียวกันด้วยว่า ฝ่ายกัมพูชาได้แจ้งกับจีนว่า กัมพูชาต้องการสันติภาพที่ยั่งยืน และต้องการให้จีนช่วยโน้มน้าวไทยให้ปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นายที่อยู่ในการควบคุมตัว ซึ่งสีหศักดิ์ตอบว่า เรื่องการปล่อยตัวทหารเป็นสิ่งที่ไทยเป็นฝ่ายเสนอกัมพูชาแต่แรก โดยหากการหยุดยิง 72 ชั่วโมงผ่านพ้นไปโดยไม่มีเหตุรุนแรง ทางฝ่ายไทยก็พร้อมพิจารณาปล่อยตัวทหารกัมพูชา และก็หวังว่า กัมพูชาจะอำนวยความสะดวกให้คนไทยบริเวณชายแดนกลับประเทศไทยด้วยเช่นกัน
โดยหลังจากข้อตกลงหยุดยิงบรรลุผล สีหศักดิ์คาดหวังว่าขั้นตอนถัดไป คือการที่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างรประเทศทั้งสองฝ่ายจะหารือถึงโรดแมปที่จะนำไปสู่การปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยอาจเริ่มจากการปรับตำแหน่งผู้แทนทางการทูตของทั้งสองฝ่ายเพื่อเป็นช่องทางในการพูดคุยเพื่อเตรียมการหารือในระดับสูงต่อไป
สำหรับวันนี้ (29 ธันวาคม) จะมีการประชุมต่อในระดับสามฝ่ายระหว่างสีหศักดิ์ หวังอี้ และปรัก สุคน ในช่วงเช้า ซึ่งจะมีการเปิดเผยรายละเอียดต่อไป


