×

นักลงทุนจีนแห่ใช้มาร์จิ้นซื้อหุ้นจีน มูลค่าพุ่ง 10 ล้านล้านบาท ดันดัชนี CSI 300 พุ่ง 20% ใน 4 เดือน

05.09.2025
  • LOADING...
CSI 300

มูลค่าหุ้นจีนเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 89 ล้านล้านบาท ภายใน 4 เดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางตัวเลขการใช้มาร์จิ้นเพื่อนำมาซื้อหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ที่พุ่งทำสถิติใหม่ในระดับ 10 ล้านล้านบาท หนุนให้ดัชนี CSI 300 เพิ่มขึ้น 20%  

 

ข้อมูลจาก Bloomberg ระบุว่า ตัวเลขคงค้างสำหรับการซื้อขายด้วยมาร์จิ้นในตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ พุ่งแตะระดับ 2.28 ล้านล้านหยวน หรือราว 10 ล้านล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่เมื่อเทียบกับสถิติเดิมที่ทำไว้ 2.27 ล้านล้านหยวน เมื่อปี 2015 

 

Zhang Xia นักกลยุทธ์ของ China Merchants Securities กล่าวว่า “เงินทุนจากการใช้มาร์จิ้นดูเหมือนจะเป็นแหล่งทุนใหม่ที่เข้ามาในตลาดหุ้นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา”

 

ขณะที่ดัชนี CSI 300 หนึ่งในดัชนีหลักของหุ้นจีนเพิ่มขึ้น 10% ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ถือเป็นเดือนที่ปรับตัวขึ้นดีที่สุดนับแต่เดือนกันยายนปีก่อน ถือเป็นดัชนีหลักที่ปรับตัวขึ้นได้มากที่สุดในเดือนที่ผ่านมา และหากมองย้อนกลับไปตั้งแต่จุดต่ำสุดตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ดัชนี CSI 300 ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 20% มาแตะระดับ 4,500 จุด 

 

มูลค่าหุ้นจีนเพิ่ม 89 ล้านล้านบาท แต่กำไรโตชะลอ

 

การพุ่งขึ้นของหุ้นจีนตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา ทำให้มูลค่าหุ้นจีนเพิ่มขึ้นมากถึง 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 89 ล้านล้านบาท 

 

อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการไตรมาส 2 ของหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ยังน่ากังวลและสวนทางกับความคึกคักของตลาดหุ้น โดยผลกำไรโดยรวมเติบโตขึ้นเพียง 1.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาสแรกที่เติบโต 3.5% และที่สำคัญคือ กลุ่มบริษัทนอกภาคการเงิน (Non-financial Sectors) ซึ่งเป็นภาพสะท้อนเศรษฐกิจที่แท้จริง กลับมีผลประกอบการขาดทุนโดยรวม อิงจากข้อมูลของ China International Capital Corp. (CICC)

 

เวนดี้ หลิว หัวหน้านักกลยุทธ์หุ้นจีนของ JPMorgan Chase & Co. กล่าวว่า “โมเมนตัมการเติบโตของกำไรที่ชะลอตัวลงจากไตรมาสแรกสู่ไตรมาสที่สอง กำลังจำลองภาพเศรษฐกิจในวงกว้างที่แนวโน้มมหภาคกำลังอ่อนแอลง”

 

มุมมองดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดในเดือนกรกฎาคมที่ออกมาน่าผิดหวัง ทั้งกิจกรรมภาคโรงงาน, การลงทุน และยอดค้าปลีก ขณะที่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ยังคงลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 34 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กัดกร่อนอำนาจในการกำหนดราคาและผลกำไรของบริษัทต่างๆ

 

ข้อมูลจาก CICC ระบุอีกว่า ผลกำไรในไตรมาส 2 ของบริษัทนอกภาคการเงินหดตัว 1.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พลิกกลับจากที่เคยเติบโต 4.2% ในไตรมาสแรก ขณะที่บริษัทภาคการเงินเป็นกลุ่มเดียวที่ช่วยพยุงภาพรวมให้เติบโตเล็กน้อย โดยได้รับอานิสงส์จากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นที่คึกคัก

 

CICC วิเคราะห์ว่าสาเหตุหลักของการชะลอตัวมาจาก ภาวะเงินฝืดที่ฝังรากลึกและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนได้จากผลประกอบการของ China Vanke Co. บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ที่รายงานผลขาดทุนในครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น แม้จะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาลท้องถิ่นแล้วก็ตาม

 

เบื้องหลังความร้อนแรงของหุ้นจีน

 

เม็ดเงินลงทุนใหม่ที่เข้ามาในตลาดหุ้นจีนส่วนหนึ่งมาจากภาคครัวเรือน ซึ่งปัจจุบันมีเงินออมรวมกันอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ประชาชนบางส่วนจึงได้หันมาลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่า 

 

อย่างไรก็ตาม ปริมาณเงินที่ไหลเข้าสู่ตลาดยังคงค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเงินออมหลายล้านล้านหยวนของผู้บริโภคชาวจีนโดยรวม และปัจจัยนี้เองที่กำลังกระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นอาจจะยังสามารถปรับตัวขึ้นต่อไปได้อีก

 

ความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐอเมริกาที่ผ่อนคลายลงได้ช่วยบรรเทาความกังวลของนักลงทุน นอกจากนี้ ยังมีความหวังว่าแคมเปญ “ต้านสภาวะการแข่งขันที่ไร้ประโยชน์” (Anti-involution) ของรัฐบาล ที่มุ่งเป้าไปที่การต่อสู้กับสงครามราคาและแก้ไขปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินในอุตสาหกรรมต่างๆ จะช่วยทำลายวงจรเงินฝืด

 

ขณะที่พัฒนาการด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้สร้างความหวังว่าอุตสาหกรรมของประเทศจะช่วยเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจและหนุนผลประกอบการของบริษัทต่างๆ

 

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของประเทศกำลังเผชิญกับความยากลำบากในการสร้างสมดุล รัฐบาลจีนแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าต้องการ “ตลาดกระทิงที่เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป” (Slow Bull Market) ที่จะช่วยให้เกิดการสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืนและกระตุ้นการบริโภคของภาคครัวเรือนได้อย่างถาวร

 

มีรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของจีนกำลังพิจารณามาตรการหลายอย่างเพื่อ ลดความร้อนแรงของตลาด (Cool the Market) ซึ่งรวมถึงการยกเลิกข้อจำกัดบางประการเกี่ยวกับการขายชอร์ต (Short Selling) และมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมการซื้อขายเชิงเก็งกำไร

 

ภาพ: Miha Creative/ Shutterstock 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising