จีน ประกาศเกินดุลการค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่กว่า 1.01 แสนล้านดอลลาร์ หลังการส่งออกในเดือนกรกฎาคมขยายตัวได้ถึง 18% เหนือความคาดหมายของตลาดที่คาดว่าการส่งออกจีนน่าขยายตัวเพียง 14.1% ส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลเรื่องการชะลอตัวลงของอุปสงค์โลกลงไปบางส่วน
ทั้งนี้ หากดูเฉพาะการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะพบว่า จีนเกินดุลการค้าอยู่ถึง 4.15 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนมิถุนายนที่เกินดุล 4.14 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกของจีนเติบโตได้ดีคือ การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดที่เกิดขึ้นอย่างถูกที่ ถูกเวลา
“การส่งออกที่เติบโตได้ดีจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจจีนในปีนี้ ที่มีปัญหาการชะลอตัวของอุปสงค์ภายในประเทศจากปัญหาโควิดแพร่ระบาด ขณะเดียวกันตัวเลขที่ออกมายังส่งผลให้เงินหยวนมีเสถียรภาพมากขึ้น และช่วยลดกระแสเงินทุนไหลออกได้” จางจือเว่ย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Pinpoint Asset Management ระบุ
สำหรับการนำเข้าของจีนในเดือนที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นเพียง 2.3% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ที่ 4% สะท้อนถึงอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอตัวลง ทำให้ความต้องการสินค้าและวัตถุดิบ เช่น ถั่วเหลือง ก๊าซธรรมชาติ และทองแดง ปรับตัวลดลง
ภาคส่งออกถือเป็นพระเอกที่ช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในช่วงที่เกิดปัญหาโควิดแพร่ระบาด แต่ความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกที่เพิ่มขึ้น เช่น เศรษฐกิจโลกที่เติบโตช้าลง ปัญหาเงินเฟ้อสูงในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า เครื่องยนต์การส่งออกของจีนอาจอ่อนกำลังลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของ GDP ในภาพรวม
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ตั้งเป้าการเติบโตของ GDP ในปีนี้เอาไว้ที่ 5.5% โดยปัจจุบันสำนักวิจัยต่างๆ ล้วนคาดการณ์ว่า โอกาสที่เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้ถึงเป้าดังกล่าวมีค่อนข้างน้อย และล่าสุดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนเองก็ออกมายอมรับเป็นนัยแล้วเช่นกันว่า ตัวเลขที่ 5.5% เป็นเพียงเป้าหมายชี้นำ ไม่ใช่เป้าหมายที่ประเทศจำเป็นต้องบรรลุให้ได้
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP